27 ก.พ.67- กมธ.การสาธารณสุข วุฒิสภา ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ติดตามการจัดบริการสาธารณสุข และการถ่ายโอน รพ.สต. ไปยัง อบจ. ย้ำกระทรวงสาธารณสุข และ อปท. ต้องเตรียมพร้อมทุกด้าน ทั้งบุคลากร งบประมาณ และอุปกรณ์ เพื่อให้การถ่ายโอนเกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

image

        นายแพทย์เจตน์  ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข วุฒิสภา นำคณะ กมธ.ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภายหลังการถ่ายโอนภารกิจ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล (รพ.สต.) ไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายแพทย์สมบูรณ์ บุญกิตติชัยพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส และนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส นายฮัสนาน หะยีเจ๊ะเล๊าะ ผู้อำนวยการ รพ.สต. เจ๊ะเก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ของ อบจ.นราธิวาส ตลอดจน อสม. เข้าร่วมการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลบ้านเจ๊ะเก ตำบลบาโงสะโต อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส

        นายแพทย์เจตน์ กล่าวว่า รพ.สต. เจ๊ะเก ได้ถ่ายโอนภารกิจไปยัง อบจ.นราธิวาส ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เป็นระยะเวลา 5 เดือนแล้ว โดยมีการขับเคลื่อนงานด้านสาธารณสุขในการดูแลประชาชนในพื้นที่เช่นเดิม ทั้งภารกิจด้านส่งเสริมป้องกัน ควบคุมโรค การดูแลประชาชนทุกกลุ่มวัย ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส และโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ รวมทั้งภาคีเครือข่าย ตลอดจน อสม. โดย รพ.สต.เจ๊ะเก มีการขับเคลื่อนภารกิจด้วยยุทธศาสตร์ ภายใต้วิสัยทัศน์ “การเป็นหน่วยปฐมภูมิวิถีมุสลิมที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน บริการอย่างองค์รวมที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ภาคีมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาวะที่ดีของประชาขน” โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รพ.สต.เจ๊ะเก ได้มุ่งดำเนินการ 3 เรื่องสำคัญ คือ บุหรี่ วัคซีน และชราสลาม โดยเฉพาะการเป็นพื้นที่ต้นแบบเรื่องการงดสูบบหรี่ ส่วนการดำเนินนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่นั้น ได้มีการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่ระบบการยืนยันสิทธิได้ ร้อยละ 24.12 ซึ่งอนาคตจะเร่งประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนต่อไป สำหรับปัญหาอุปสรรคของ รพ.สต. เจ๊ะเก นั้น ประกอบด้วย ปัญหาด้านบุคลากรที่ยังไม่เป็นไปตามโครงสร้างที่กำหนดไว้ รวมถึงปัญหาด้านงบประมาณที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรตามที่ประกาศไว้ และการให้บริการปฐมภูมิ ไม่เป็นไปตามข้อตกลง อีกทั้งมีข้อจำกัดของระเบียบการโอน ระหว่าง รพ. กับ รพ.สต. สังกัด อบจ.

        นายแพทย์เจตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กมธ. มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะสำคัญ คือ การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ด้านสังคม พบว่า เด็กจบการศึกษาขั้นพื้นฐานประมาณร้อยละ 23 ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบระยะยาวในด้านอื่น ๆ รวมทั้งด้านสาธารณสุข นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาอัตราป่วย 10 อันดับแรก อาจมองข้ามปัญหาด้านทันตกรรม ซึ่งเป็นเรื่องสุขภาพช่องปากที่สำคัญของทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะเด็ก การส่งเสริมสุขภาวะในเรื่องดังกล่าว กลไกขับเคลื่อนสำคัญ คือ ครู และ อสม. นอกจากนี้ จังหวัดนราธิวาสมีเด็กเกิดจำนวนมาก การส่งเสริมให้ประชาชนออกกกำลังกายเพื่อมีสุขภาพที่ดี ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายและระเบียบที่ส่งเสริมเรื่องดังกล่าว ทำให้การดำเนินการจึงเป็นเรื่องที่มีความเชื่อมโยงกับสุขภาพโดยตรง  ดังนั้น การลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาสในครั้งนี้ คณะ กมธ. ได้รับทราบข้อมูลและข้อเสนอแนะ รวมถึงประเด็นปัญหาที่ของพื้นที่ที่เป็นประโชน์อย่างมาก โดยจะได้นำไปสู่การมีข้อสังเกตต่อรัฐบาลต่อไป

        จากนั้น คณะ กมธ. ได้ติดตามสถานการณ์ภายหลังการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ลำภู ไปยัง อบจ. นราธิวาส ว่า รพ.สต.ลำภู มีบุคลากร 8 คน แต่ต้องดูแลประชากรจำนวนมากในพื้นที่ โดยปัญหาสุขภาพ คือ โรคเรื้อรัง จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 14 ปัญหาเรื่องโรคไข้เลือดออก และปัญหาเด็กอายุ 0-5 ปี ได้รับวัคซีนไม่เป็นไปตามเกณฑ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย และ อสม. ซึ่งปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง สำหรับการดำเนินงานด้านปฐมภูมิ นั้นมีการนำนโยบายหมอครอบครัวเข้ามาดำเนินงานตั้งแต่ ปี 2564 โดยมีการประชาสัมพันธ์นโยบาย 3 หมอ ส่วนในปี 2565 รพ.สต.ลำภู ได้รับการสนับสนุนแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ด้านต่าง ๆ เช่น เภสัชกร จากโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ในการเข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่ รวมทั้งการสนับสนุนด้านวิชาการซึ่งนำไปสู่การจัดทำนวัตกรรมด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เช่น ปิงปอง 7 สี นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานร่วมกับชุมชน มีการพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะของ อสม. มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและองค์ความรู้เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่

        นายแพทย์เจตน์ กล่าวถึงการดำเนินงานตามนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ ว่า ได้ดำเนินการตามเป้าหมายในการให้ประชาชนยืนยันสิทธิและพิสูจน์ตัวตนแล้ว ร้อยละ 55.46 ขณะที่การเตรียมความพร้อมถ่ายโอนภารกิจไปยัง อบจ.นราธิวาส ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นั้น ภายหลังที่ให้บุคลากรแสดงความประสงค์ถ่ายโอนและไม่ถ่ายโอน พบว่า ภายหลังถ่ายโอน รพ.สต. จะมีผู้ปฏิบัติงาน จำนวน 2 คน ซึ่ง อบจ. จะต้องพิจารณาจัดหาผู้ปฏิบัติงานมาเพิ่มเติม ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อการจัดและให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรจำนวนมาก ทั้งนี้ เหตุผลการถ่ายโอนของบุคลากร คือ บุคลากรดังกล่าวเป็นคนในพื้นที่ ต้องการทำงานในพื้นที่เดิม

        ประธาน กมธ.การสาธารณสุข วุฒิสภา กล่าวว่า กมธ.ได้มีข้อห่วงใย และข้อสังเกตและข้อเสนอแนะสำคัญ โดยสรุปว่า ประเด็นปัญหาด้านบุคลากร ซึ่งมีทั้งผู้ที่ประสงค์โอน ไม่ประสงค์โอน และเมื่อขอโอนไปแล้วมีความประสงค์ขอโอนกลับมายังกระทรวงสาธารณสุข ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและระเบียบของหน่วยงาน จึงควรเร่งดำเนินการเพื่อให้มีความชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การถ่ายโอนควรดำเนินการภายใต้ความพร้อมของทุกด้าน ทั้งในด้านบุคลากร งบประมาณ และอุปกรณ์ ไม่ควรดำเนินการด้วยความเร่งรีบ เพื่อให้การถ่ายโอน รพ.สต. ไปยัง อบจ. เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา  ข้อมูล/ภาพ

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ