2 พ.ค. 67 - กมธ.อุตสาหกรรม สผ.เตรียมเชิญหน่วยงานชี้แจงเหตุไฟไหม้โรงงานกากอุตสาหกรรม จ.ระยอง-พระนครศรีอยุธยา วันที่ 15 พ.ค. นี้ หลังพบความเชื่อมโยง ส่อพิรุธวางเพลิงทำลายหลักฐานสารเคมีอันตราย

 

image

            นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การอุตสากรรม สภาผู้แทนราษฎร และคณะ แถลงข่าวถึงการประชุม กมธ. ซึ่งมีวาระพิจารณากรณีการขนย้ายกากแร่อุตสาหกรรม(แคดเมียม)ไปบ่อฝังกลบ จ.ตาก ว่า กมธ.ได้แสดงความกังวลในการขนย้ายกากแคดเมียมที่อาจไม่ปลอดภัย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงถึงขั้นตอนการขนย้ายกากแคดเมียม ว่ามีการบรรจุกากแคดเมียมในถุง Double Bag เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจาย และยืนยันว่าดำเนินการตามมาตรฐานสากล และมีมาตรการความปลอดภัยต่อประชาชน 

           ส่วนเรื่องระยะเวลาการขนย้ายคือระหว่างวันที่ 29 เม.ย.-17 มิ.ย.67 เมื่อขนย้ายไปแล้วจะนำกากแคดเมียมไปพักไว้ที่อาคารพักคอยก่อน จะยังฝังกลบเลยทันทีไม่ได้ เนื่องจากบ่อฝังกลบจะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามหลักวิชาการ ให้การฝังกลบเป็นไปอย่างถูกวิธี เป็นที่พอใจของประชาชนเพื่อความปลอดภัยของคนในพื้นที่ ทั้งนี้การดำเนินการฝังกลบปิดปากบ่อกำหนดให้แล้วเสร็จในวันที่ 30 ก.ย. 67 และจะหยุดการขนย้ายในช่วงที่มีฝนตก เพื่อป้องกันปัญหาการปนเปื้อน 

           นอกจากนี้ กมธ.มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ในการฝังกลบกากแคดเมียม ให้ฝังกลบไปทั้งถุงเพื่อป้องกันการฝุ้งกระจาย และอาจต้องเตรียมทำบ่อฝังกลบเพิ่มโดยได้เสนอแนะให้หน่วยงานเตรียมทำ EIA กรณีที่หากบ่อฝังกลบมีไม่เพียงพอ เพื่อให้ทันต่อกำหนดการที่ต้องฝังกลบปิดปากบ่อให้แล้วเสร็จตามวันที่กำหนดไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการขนย้ายกากแคดเมียม ทางหน่วยงานจะรวบรวมค่าใช้จ่ายแล้วนำส่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำไปเรียกเก็บกับผู้ประกอบการต่อไป

            นายอัครเดช กล่าวต่อว่า กมธ.ได้ติดตามการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ไฟไหม้โกดังเก็บกากอุตสาหกรรมและสารเคมี จ.ระยอง เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีการไหม้ต่อเนื่อง 3-5 วัน สร้างมลภาวะให้ชุมชนอย่างมาก พบผู้ป่วยร้อยละ 84 มีอาการระบบทางเดินหายใจ ขณะที่จากการชี้แจงของนายอำเภอบ้านค่าย จ.ระยอง ระบุว่าขณะนี้ควบคุมเพลิงได้ทั้งหมดแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังเนื่องจากยังมีกลุ่มควันและพร้อมปะทุตลอดเวลา กมธ.มีความเป็นห่วงผลกระทบต่อประชาชนที่อาจได้รับก๊าซพิษ เนื่องจากสภาพอากาศยังไม่ปกติ จึงขอหน่วยงานขอให้เฝ้าระวังเพลิงไหม้ซ้ำซ้อน และขอให้ติดตามดูแลเยียวยาประชาชน รวมถึงฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความเชื่อมโยงเหตุการณ์ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีที่ จ.ระยอง และพระนครศรีอยุธยา กมธ.ได้รับทราบว่าโรงงานทั้ง 2 แห่งเชื่อมโยงกัน เนื่องจาก กมธ.เคยลงพื้นที่โกดังที่ อ.ภาชี มาแล้ว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะได้รับการร้องเรียนจาก สส.ในพื้นที่ และพบว่ามีการเก็บสารอันตรายเป็นจำนวนมาก และเก็บไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมโรงงานฯ จึงได้สั่งปิด ต่อมาได้รับทราบว่ามีเหตุเพลิงไหม้ โดยสาเหตุคล้ายกับการวางเพลิง ดังนั้น วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ จะออกหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม เพราะถือว่าไม่ปกติ 

            ทั้งนี้ เรื่องการทิ้งกากอุตสาหกรรมหรือสารเคมี ตามกฎหมายจะไม่มีโทษปรับ ทำให้ผู้ประกอบการไม่เกรงกลัว กมธ.อุตสาหกรรม จึงได้ยื่นเสนอร่างกฎหมายเพื่อเพิ่มความผิดอาญาให้มีโทษจำคุก 5 ปี มีโทษปรับ 1 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการเกรงกลัวกฎหมาย 

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

 

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ