นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ด้านสาธารณสุข ในคณะ กมธ. การสาธารณสุข วุฒิสภา นำคณะ อนุ กมธ.ลงพื้นที่ศึกษาดูงานในประเด็น “การขับเคลื่อนงานด้านเด็กปฐมวัยในพื้นที่ จ.มุกดาหาร” โดยมี นายแพทย์ณรงค์ จันทร์แก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร นายแพทย์ณัฐนนท์ พีระภานุรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคำชะอี และนายสมพงษ์ คุ้มสุวรรณ นายอำเภอคำชะอี ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) จังหวัดมุกดาหาร พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ตลอดจนเข้าร่วมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ โรงพยาบาลคำชะอี และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคำบก ตำบลคำบก อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร แบ่งเป็น 9 ตำบล 88 หมู่บ้าน มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 44,195 คน ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตอำเภอคำชะอี มีทั้งหมด 5 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 สิ่งแวดล้อมดี ยุทธศาสตร์ที่ 2 สุขภาพดี ยุทธศาสตร์ที่ 3 ศึกษาดี ยุทธศาสตร์ที่ 4 เศรษฐกิจดี และยุทธศาสตร์ที่ 5 สังคมดี สำหรับการขับเคลื่อนการดูแลเด็กปฐมวัยของอำเภอคำชะอี มีการประชุม พชอ. เพื่อถ่ายทอดนโยบายสู่การปฏิบัติ และมีการมอบอุปกรณ์คัดกรองพัฒนาการเด็ก (DSPM) ให้กับคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับตำบล (พชต.) โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนแบ่งปันน้ำใจรัก พชอ. คำชะอี รวมถึงจัดทำโครงการแก้ปัญหาพัฒนาการล่าช้าในเด็กปฐมวัย เพื่อกระตุ้นส่งเสริมการพัฒนาการเด็กปฐมวัยในพื้นที่ จำนวน 9 ตำบล จำแนกเด็กตามกลุ่มสภาพปัญหา โดยปัญหาอุปสรรคที่พบ เช่น เด็กปฐมวัยส่วนหนึ่งอยู่กับปู่ย่าตายาย เป็นอุปสรรคต่อการติดตามและเฝ้าระวัง รวมทั้งส่งเสริมพัฒนาการ นำมาสู่การจัดทำข้อเสนอแนะ คือ มีการสร้างเครือข่ายแม่และเด็ก (Child Family Team) และ อสม. ร่วมเฝ้าระวังในการดูแลและแลกเปลี่ยนความรู้ในครอบครัว นอกจากนั้น ได้มีการจัดทำแผนพัฒนาต่อเนื่องในปี 2568 เช่น การขยายผลคัดกรอง DSPM ในชั้นอนุบาลให้ครอบคลุมทุกโรงเรียน
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวถึงข้อเสนอแนะของคณะอนุ กมธ. ตสร. ด้านสาธารณสุขฯ ว่า การขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กปฐมวัย จังหวัดมุกดาหาร พบว่า ผลการขับเคลื่อนของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) จังหวัดมุกดาหาร ทำให้ได้รับผลลัพธ์ในทางที่ดี เช่น มีผลการกระตุ้นพัฒนาการเด็กปฐมวัย มีระดับ IQ ที่สูงขึ้น รวมทั้งมีการตั้งเป้าหมายการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม ตลอดจนมีการกำกับติดตามและประเมินผลของแผนบูรณาการระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ พชอ. ที่จะต้องดำเนินการขยายผลการดำเนินงานต่อไป ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ในจังหวัดต่าง ๆ ทำให้รับทราบข้อมูลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น กลไกด้านนโยบาย และยุทธศาสตร์ และกลไกการบูรณาการและการจัดสรรงประมาณ นอกจากนี้ ควรจัดตั้งสถาบันจัดการความรู้ (Intelligent) ระดับจังหวัด เพื่อให้มีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญประจำจังหวัดในการให้ความรู้ พร้อมทั้งจัดระบบฐานความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเด็กปฐมวัย และข้อมูลช่วงวัยอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ข้อมูล/ภาพ
