นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม) ให้สัมภาษณ์ประเด็น “ความคืบหน้า ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม” ในรายการ “LawTalk กับ สว.” ว่า ตามที่ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนวาระ 2-3 แล้ว และที่ประชุมวุฒิสภา ได้เห็นชอบในวาระรับหลักการแล้วมีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ขึ้นมาพิจารณา โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมนั้นมีความน่าสนใจ เพราะมีร่างกฎหมายที่มาจากภาคประชาชนเสนอเข้ามาด้วย และมีมุมมองทางความคิดที่ใหม่สำหรับสังคมไทยที่มีความอนุรักษ์สูง หลักการสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ความเท่าเทียมกันทุกเพศสภาพจากเดิมที่กฎหมายให้ความสำคัญตามเพศกำเนิด ที่มีเฉพาะเพศชาย และเพศหญิง แต่ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมมองไปถึงเพศกำหนดที่แม้ว่าจะมีเพศกำเนิดเป็นเพศชาย หรือเพศหญิงก็ตาม โดยมองว่าคนทุกเพศสามารถสมรสกันได้ โดยยึดหลักความเสมอภาคทางเพศตามรัฐธรรมนูญให้มีสิทธิเท่าเทียมกัน
นายวัลลภ กล่าวด้วยว่า ยังมีบางเรื่องที่ยังคงรากฐานเดิมของเพศกำเนิดอยู่ อาทิ การตั้งครรภ์ของเพศหญิง และการปรับแก้กฎหมายอุ้มบุญ เป็นต้น และการออกบทบัญญัติให้คุ้มครองทุกเพศ อาทิ การข่มขืนกระทำชำเรา ที่กฎหมายเดิมบังคับใช้กับกรณีเพศชาย ข่มขืนกระทำชำเราหรือร่วมประเวณีกับเพศหญิง แต่หากเป็นเพศเดียวกัน กฎหมายยังครอบคลุมว่าเป็นการอนาจาร ทำให้โทษเบา ดังนั้น จึงต้องมีการบัญญัติคำ และนิยามให้ครอบคลุมกรณีดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ กมธ.วิสามัญฯ มั่นใจว่าจะพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมได้แล้วเสร็จ และคาดว่าจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาในวาระ 2-3 ในช่วงวันที่ 5-6 มิ.ย.67 โดยร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม มีทั้งหมด 68 มาตรา ขณะนี้พิจารณาถึงมาตรา 45 แล้ว และอีก 23 มาตรา และจะเชิญผู้ที่ขอแปรญัตติมาชี้แจงต่อที่ประชุม กมธ.วิสามัญ ในวันพุธที่ 8 พ.ค.67 คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
