นพ.ทวีวงษ์ จุลกมนตรี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ในรายการทันข่าววุฒิสภา ประเด็น “กทม. เมืองที่คนตกท่อ : ทำอย่างไรเมืองถึงเป็นมิตรกับคนเดิน” ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา หลังเกิดเหตุชายวัย 59 ปี เสียชีวิตจากการพลัดตกท่อร้อยสายไฟของการไฟฟ้านครหลวง ลึก 15 เมตร เนื่องจากฝาท่อเป็นเพียงไม้อัดและมีสภาพชำรุด และอยู่บริเวณเกาะกลางถนนป้ายรถไฟฟ้า BTS สายสีเหลือง ช่วงบริเวณซอยลาดพร้าว 49 เมื่อวันที่ 3 พ.ค.67 ว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเดิมฝาท่อดังกล่าวเป็นโลหะแต่ถูกขโมยไปหลายแห่งทำให้ผู้รับเหมาต้องนำแผ่นไม้อัดหนาประมาณ 10 มิลลิเมตร มาปิดฝาท่อแทนชั่วคราวระหว่างที่เตรียมนำแผ่นคอนกรีตมาปิดฝาท่อ โดยทางผู้รับเหมามองว่าความหนาของแผ่นไม้อัดมีความแข็งแรงเพียงพอและจุดเกิดเหตุไม่ได้เป็นจุดสำหรับคนเดินข้ามถนน จึงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น สำหรับคน กทม. เดินตกท่อนั้น ส่วนใหญ่มักเป็นท่อประปา ท่อสายสื่อสาร และกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดเป็นท่อของการไฟฟ้านครหลวง ที่ผ่านมามีทั้งผู้ตกท่อได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และสาหัส จนถึงเสียชีวิต หากผู้รับเหมาและหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ขาดความรับผิดชอบ และไม่ตระหนักถึงความปลอดภัยของประชาชน ก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำซาก จนเคยมีการระบุว่า กทม. เป็นเมืองที่มีคนตกท่อมากที่สุดในโลก
นพ.ทวีวงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บริหารต้องหาวิธีบริหารจัดการเมืองโดยยึดความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ โดยอุบัติเหตุและอันตรายสามารถป้องกันได้จากความไม่ประมาท โดยเฉพาะการขับเคลื่อนโยบายความปลอดภัยและอาชีวอนามัย มุ่งจัดเตรียมสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย มีการวางแผนการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอนำข้อบกพร่องมาปรับปรุงแก้ไข ที่สำคัญต้องมีผู้รับผิดชอบในการตรวจ มีการจัดทำมาตรฐานและวิธีการปฏิบัติงานที่มีความปลอดภัย ค้นหาจุดที่เป็นอันตราย กำหนดวิธีควบคุมความเสี่ยง ตรวจและเฝ้าระวังสุขภาพอนามัยของผู้ปฏิบัติงาน กำจัดอันตรายและทดแทนด้วยสิ่งที่เป็นอันตรายน้อยกว่า มีอุปกรณ์ดูแลความปลอดภัยของบุคคล การจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยต้องทำอย่างเป็นระบบ และมีกิจกรรมส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยในงานทุกระดับอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ดังนั้น ถ้าทุกคนปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ชีวิตของประชาชนก็จะมีความปลอดภัย
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
