7 พ.ค.67 - สส.ณัฐพงษ์ พรรคก้าวไกล เผย พรรคเดินหน้าศึกษางบฯ 68 จัดทำร่างงบเงาคู่ขนาน มุ่งศึกษารายละเอียดการจัดสรรงบส่วนที่จำเป็น ตอบสนองต่อปัญหาของประเทศได้แท้จริง

image

           นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ว่า จากการทำงานในคณะอนุกรรมาธิการงบปี 68 จึงได้เตรียมความพร้อมตลอดเวลาและศึกษางบประมาณล่วงหน้าไว้ประมาณครึ่งทางแล้ว ซึ่งหลังจากนี้มีเวลาอีกประมาณ 1 เดือน ที่อนุกรรมาธิการ จะสามารถเรียกข้อมูลจากฝ่ายบริหารให้ได้มากที่สุด โดยข้อมูลที่ต้องการเพิ่ม คือ ตัวเลขงบประมาณตามร่าง พ.ร.บ.งบฯ ที่ได้รับการจัดสรรตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากที่ผ่านมาจะทราบข้อมูลก่อน เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้นก่อนร่าง พ.ร.บ.งบฯ เข้าสภา จึงจะขอให้เข้าถึงข้อมูลได้เร็วที่สุด โดยในส่วนการทำงาน กมธ.การจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ได้ศึกษาการจัดทำงบประมาณ ปี 68 ซึ่งรัฐบาลมีอำนาจหน้าที่จัดทำงบ 100% อาทิ งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนภัย ที่มีข้อกังวลว่าอาจจะมีความซ้ำซ้อนระหว่างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งสอดคล้องกับข้อสังเกตของ กมธ.ได้ส่งไปยังรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นตัวอย่างการทำงานเชิงรุกของ กมธ.ที่คาดหวังว่าการจัดทำงบประมาณต้องช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน ไม่มีความซ้ำซ้อน และหากร่าง พ.ร.บ.งบฯ เข้าสู่สภาโดยมีข้อแก้ไขที่ กมธ.ได้ส่งความเห็นไปแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่แก้ไขถือว่ารัฐบาลบกพร่องเต็มที่ ฝ่ายค้านก็จะอภิปรายเต็มที่เช่นเดียวกัน
             ต่อข้อถามถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคก้าวไกล ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ได้มีการประชุมภายในพรรคเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คาดว่าจะมีผู้ขออภิปรายประมาณ 20 -30 คน ขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่ที่วิป 3 ฝ่ายจะจัดสรรเวลา ซึ่งพรรคก้าวไกล คาดหวังว่า เวทีอภิปรายงบประมาณปี 68 เป็นเวทีที่พรรคจะได้เตรียมความพร้อม หากในอนาคตพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล โดยได้จัดทำงบประมาณเงาหรืองบเงา ด้วยการศึกษารายละเอียดงบประมาณ ของโครงการต่างๆ ที่แต่ละหน่วยงานเสนอมา หากพบว่าไม่จำเป็น ในฐานะทำหน้าที่ฝ่ายบริหารควรจะต้องตัดออก เพื่อจัดสรรให้โครงการในส่วนที่จำเป็น และเห็นว่าตอบสนองต่อปัญหาของประเทศได้มากกว่า
           นอกจากนี้  นายณัฐพงษ์ ยังยอมรับว่ามีความกังวลในส่วนงบกลางของงบประมาณปี 68 ที่อาจจะถูกนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่ง กมธ.ได้มีข้อสังเกตส่งกลับไปยังหน่วยงานแล้วว่า มีการพยายามตีความบิดเบือนทางกฎหมาย เพราะตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มีการระบุไว้ชัดเจนว่าสัดส่วนงบลงทุนต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 และต้องไม่ต่ำกว่าส่วนที่ชดเชยการขาดดุล แต่พอมีการบิดงบปี 68 เพื่อจะนำไปดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จำนวน 150,000 ล้านบาท กลับมีการพยายามตีความว่างบดังกล่าวเป็นงบลงทุนถึงร้อยละ 80 จึงขอตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลว่า จะทราบได้อย่างไรว่าประชาชนจะนำเงิน 10,000 บาท จากโครงการดังกล่าวไปใช้ในการลงทุน หรือใช้ในรายจ่ายประจำ ซึ่งหากรัฐบาลยังเดินหน้าต่อเช่นนี้โดยปราศจากการออกมาทำความชัดเจน ตนเห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมาย หากมีผู้ไปร้องในภายหลัง นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังตั้งข้อสังเกตถึงงบประชาสัมพันธ์ภาครัฐ อาทิ การนำงบมาใช้ในการโปรโมทตัวเอง และงบการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ซึ่งปัจจุบันปัญหาเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข


อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ