8 พ.ค.67 - กมธ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สผ. แถลงความคืบหน้าคดีฉ้อโกงหุ้นกู้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่นฯ พร้อมติดตามการจัดทำแผนฟื้นฟู แผนชำระหนี้ และการนำเงินรายได้จากการฟื้นฟูกิจการมาเฉลี่ยคืนให้แก่ผู้เสียหาย

image

        นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะอนุ กมธ. ติดตามและศึกษาคดีฉ้อโกง บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงผลการพิจารณาศึกษาว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ตรวจสอบพบพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำอันเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการจัดทำงบการเงินอันเป็นเท็จของบริษัท สตาร์คฯ และบริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท อดิสร สงขลา จำกัด และบริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จึงส่งเรื่องไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินคดี โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนพยานหลักฐานและพบข้อเท็จจริงว่ามีการจัดทำงบการเงินอันเป็นเท็จนำไปหลอกลวงประชาชนผู้ถือหุ้นกู้ และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงต่อกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันโดยการหลอกลวงดังกล่าวนั้น ทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 14,778 ล้านบาท จากนั้นพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องบุคคลและนิติบุคคล รวม 11 ราย และมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง 1 ราย โดยนายชนินทร์  เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท สตาร์คฯ ได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดได้อนุมัติคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย นอกจากนี้ พนักงานอัยการได้มีคำขอให้ศาลสั่งในส่วนแพ่ง โดยขอให้จำเลยทุกรายร่วมกันคืนเงินที่ฉ้อโกงไป จำนวน 14,778 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้และผู้ลงทุนสถาบัน ส่วนการยึดและอายัดทรัพย์สินของบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรก เป็นเงินประมาณ 349 ล้านบาท และครั้งที่สอง 2,500 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,849 ล้านบาท และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้เปิดให้ผู้เสียหายมายื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งขณะนี้มีผู้มายื่นเรื่องแล้ว 5,042 ราย ขณะที่การติดตามทรัพย์สินจากต่างประเทศกลับคืนนั้น สำนักงาน ปปง. ได้แจ้งคำสั่งผ่านสำนักงานอัยการคดีระหว่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อประสานความร่วมมือผ่านหน่วยงานกลางด้านข่าวกรองทางการเงิน (FIU) ของประเทศต่าง ๆ เพื่อขอข้อมูลเส้นทางการเงินและการถือครองทรัพย์สินในต่างประเทศ และหากพบว่าเส้นทางการเงินของผู้กระทำผิดเชื่องโยงไปยังประเทศใด สำนักงาน ปปง. จะเร่งดำเนินการทำคำร้องเพื่อประสานความร่วมมือต่อไป

        พันตำรวจเอกสีหนาท ประยูรรัตน์ รองประธานคณะอนุ กมธ. ติดตามและศึกษาคดีฉ้อโกง บริษัท สตาร์คฯ คนที่หนึ่ง กล่าวว่า คณะอนุ กมธ. ได้ประสานกับ สำนักงาน ปปง. กรมบังคับคดี บริษัท สตาร์คฯ บริษัท เฟ้ลปส์ฯ และบริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด เพื่อติดตามการจัดทำแผนฟื้นฟูและแผนชำระหนี้ที่ชัดเจน เพื่อนำเงินรายได้จากการฟื้นฟูกิจการของบริษัท เฟ้ลปส์ฯ มาเฉลี่ยคืนให้แก่ผู้เสียหายซึ่งได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิไว้แล้วต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนมีข้อสังเกตว่า การดำเนินการของบริษัท สตาร์คฯ มีความผิดปกติมาตลอด แต่ สำนักงาน ก.ล.ต. และสำนักงาน ปปง. กลับมีการติดตามดำเนินคดีล่าช้า จนทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ และทรัพย์สินส่วนหนึ่งก็มีการโอนย้ายไปต่างประเทศแล้ว ที่สำคัญ บริษัท เฟ้ลปส์ฯ ได้ตกแต่งบัญชี แล้วส่งให้กับบริษัท สตาร์คฯ ก่อนจำหน่ายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนสถาบัน และประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ มีนักแสดงรายหนึ่ง ได้กู้เงิน 650 ล้านบาทจากประเทศสิงคโปร์ มาซื้อหุ้นกู้ของบริษัท สตาร์คฯ ด้วย ตนมีข้อสังเกตว่า มีการโอนเงินเพื่อซื้อหุ้นกู้จำนวนมาก แต่ธนาคารกลับไม่รายงานการทำธุรกรรมการเงิน จึงมีข้อสงสัยว่าเหตุใดธนาคารจึงปล่อยปละละเลย จนทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง ทั้งนี้ คณะ กมธ. จะติดตามการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนเสร็จสิ้นกระบวนการ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถือหุ้นกู้ของบริษัท สตาร์คฯ  ต่อไป

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ