10 พ.ค. 67 - โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ห่วงเกษตรกร-ผู้ประกอบการขนาดเล็ก กระทบหนัก หลังรัฐประกาศขึ้นค่าแรงก่อนคุยกับไตรภาคี หวั่นทิ้งภาระให้คนรากหญ้าแบกต้นทุนแพง

image

          นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงการเร่งประชาสัมพันธ์นโยบายค่าแรง 400 บาทของรัฐบาล ว่า การเร่งโปรโมททั้งที่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อคนรากหญ้า เกษตรกร ธุรกิจขนาดเล็ก และอาจรวมถึงภาคการท่องเที่ยวและบริการในช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว (low season) ด้วย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า นายกรัฐมนตรีถูกบีบคั้นด้วยนโยบายที่หาเสียงไว้ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งว่าต้องทำให้ได้ จนรีบเร่งประชาสัมพันธ์นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งแม้นโยบายดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่กลับเลือกประชาสัมพันธ์ก่อนที่จะหารือกับไตรภาคี และผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กซึ่งมีแรงงานอยู่ในกลุ่มดังกล่าวกว่า 3 ล้านคน จากกำหนดการที่ต้องมีการประชุมกันกลางเดือนนี้ แต่เมื่อรัฐบาลประกาศก่อนล่วงหน้า ยิ่งส่งผลทำให้เกิดแรงต้านจนเป็นที่มาของการแถลงข่าวของสมาคมต่าง ๆ 52 สมาคม ได้ออกมาทักท้วงแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับแนวทางการขึ้นค่าแรง ทำให้ขั้นตอนการดำเนินนโยบายอาจยิ่งช้าลงไปอีก แต่ผลกระทบเกิดขึ้นแล้ว
          นายปริเยศ ให้ความเห็นอีกว่า ตอนนี้ภาคธุรกิจขนาดเล็กหรือกลุ่มอาชีพเกษตรกรน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากต้นทุนนอกเหนือไปจากค่าแรงที่รัฐประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าว่าจะขยับขึ้น ยังคงมีอีกหลายค่าใช้จ่ายที่ยังพุ่งไม่หยุด สวนทางกับรายได้ อัตราการส่งออกลดลงต่อเนื่อง ทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป ไม่รวมต้นทุนการปลูกและการผลิตที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงนับได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีเลย
          ส่วนธุรกิจด้านอื่น ๆ รวมถึงภาคบริการ นายปริเยศ ชี้ว่า ตนเป็นห่วงว่าการที่รัฐบาลยังไม่สามารถหาข้อสรุปเรื่องค่าแรงที่ชัดเจนได้จากไตรภาคี รวมถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนด้านพลังงานที่ออกมาแบบประคับประคองสถานการณ์ ด้วยการนำเงินกองทุนน้ำมันไปอุดหนุน จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจจากนี้แย่ลง เนื่องจากเอกชนอาจเลือกลดต้นทุนทันทีด้วยการใช้วิธีลดคนงานที่ขาดทักษะออกก่อน เพราะค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ สูงขึ้นทั้งหมดและควบคุมได้ยากกว่าการลดคนงาน และสำหรับธุรกิจบริการที่เวลานี้เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว low season ย่อมกระทบให้อัตราการเลิกจ้างงานสูง ดังนั้น การที่รัฐบาลวางแผน จัดทำนโยบายหรือสื่อสารกับประชาชนอย่างไม่มีระบบ ทำให้ภาคเอกชนจำเป็นต้องขยับตัวก่อนทันที ทั้งการปรับขึ้นราคาสินค้า ลดต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะการลดกำลังคน ซึ่งผลลัพธ์ย่อมเกิดกับประชาชนทำให้อยู่ในภาวะรับเคราะห์อย่างมาก รัฐบาลจึงควรต้องทบทวนเรื่องการประชาสัมพันธ์นโยบายให้มากกว่านี้
          ส่วนธุรกิจด้านบริการที่ช่วงเวลานี้เป็นช่วง low season คงจะเลิกจ้างงานอัตราสูงขึ้น ดังนั้น การที่รัฐบาลวางแผนการทำนโยบายรวมถึงการสื่อสารกับประชาชนแบบไม่มีระบบแบบนี้ ทำให้เอกชนจำเป็นต้องขยับตัวก่อนทันที ทั้งปรับราคาสินค้า ลดต้นทุนโดยเฉพาะกำลังคน ผลลัพธ์แบบนี้ย่อมทำให้ประชาชนอยู่ในภาวะรับเคราะห์อย่างมาก รัฐบาลจึงควรต้องทบทวนเรื่องการประชาสัมพันธ์นโยบายให้มากกว่านี้

ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ