นายไชยา พรหมา รองประทานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานในที่ประชุม พิจารณาวาระให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้รับรอง 137 คน ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทยเป็นคนสุดท้าย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้รับรอง 121 คน
จากนั้นเข้าสู่การอภิปรายคุณสมบัติผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 คน ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้ฝ่ายที่สนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ละคน อภิปรายฝ่ายละ 1 ชั่วโมง
นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายโดยแสดงความเป็นห่วง หากพรรคประชาชนจะเลือกนายอนุทิน เข้าข่ายขัดหลักการประชาธิปไตย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และผิดต่อข้อบังคับการประชุมสภาฯ เพราะการที่พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ไปทำข้อตกลง MOA 5 ข้อ และยืนยันว่าจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วการบริหารราชการแผ่นดิน การผ่านร่างกฎหมายจะเดินไปในแนวทางใด และการที่พรรคประชาชนบอกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การยื่นสามารถทำได้ แต่เมื่อลงมติเสียงไม่ถึงแล้วจะคุมอย่างไร วันนี้พรรคประชาชนกำลังยก 14 ล้านเสียง ให้กับพรรคที่ได้เพียง 1 ล้านเสียง นี่คือการทำลายระบอบประชาธิปไตย การเปิดช่องเช่นนี้เป็นการทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยทรงเป็นประมุข อย่างสิ้นเชิง
และสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด ขณะนี้ คือ สส. ได้เข้าชื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถึงความชอบธรรมในการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น แม้พรรคประชาชนจะระบุว่า การทำเพื่อให้ประชาชนได้รับความชอบธรรมแต่กระบวนการในวันนี้มีความชอบธรรมหรือไม่ ขณะนี้เรื่องอยู่ในกระบวนการศาล เป็นอำนาจของประธานสภาฯ ที่จะพักประชุม หรือเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน จนกว่าจะทราบผลการพิจารณาของศาลก็สามารถทำได้
เช่นเดียวกับนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ไม่สมควรที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เปรียบเหมือนคนที่ไม่สมควรบวช มีข้อครหา มีคดีความที่เคยไปรับคำร้อง ทั้งคดีฮั้ว สว. คดีเขากระโดง ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการกฎหมาย หากโหวตให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว สภาฯ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไร เพราะมีข้อ กังวลทางกฎหมาย จะเป็นการมิบังควร วันนี้พรรคประชาชนจะโหวตให้นายอนุทินก็ควรไตร่ตรองให้ดี พร้อมเห็นว่านายชัยเกษม เหมาะสมที่จะได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ได้ตอบข้อห่วงใยของสมาชิกว่า การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ภายหลังที่พรรคประชาชนได้มีการประกาศ MOA ทั้ง 5 ข้อและพรรคเพื่อไทยก็ได้แสดงท่าที ลดแลกแจกแถม และจูงใจว่าพร้อมที่จะยุบสภาทันที การอภิปรายของพรรคเพื่อไทยนั้น ยังไม่สามารถทำให้ตนเชื่อได้เลยว่าหลักการที่แท้จริงคืออะไร สำหรับข้อห่วงใยว่าการทำงานของพรรคประชาชนจะสามารถถ่วงดุลตรวจสอบ อำนาจรัฐได้อย่างไร นั้น ระยะเวลา 4-6 เดือน หลังจากนี้ ฝ่ายค้านจะมีความเข้มแข็งมากที่สุด ตราบใดที่พรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทย เดินหน้าเป็นฝ่ายค้านได้อย่างตรงไปตรงมา ขอเชิญชวนสมาชิกใหม่ที่มีอุดมการณ์เช่นเดียวกัน เดินหน้ากระบวนการประชาธิปไตยไปสู่การเลือกตั้งให้เกิดขึ้นในประเทศ และกรณีที่พูดว่าการตัดสินใจของพรรคประชาชนในวันนี้กำลังสนับสนุนการทำลายกระบวนการระบอบประชาธิปไตย เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ นั้น ตนไม่ขอพูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่ขอเวลา 4-6 เดือน หลังจากนี้จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อพิสูจน์ว่าต้องการเดินหน้าตามกระบวนการประชาธิปไตยจริง ๆ
นายณัฐพงษ์ ชี้ว่า นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าใจว่าสมาชิกพรรคประชาชนหลายคนรู้สึกอึดอัด ที่จะโหวตสนับสนุนนายอนุทิน แต่เพราะประชาชนใหญ่กว่าพรรค ทุกคน จึงเคารพในมติพรรค โดยไม่มีใครเป็นงูเห่า และยืนยันว่าการตัดสินใจของพรรคในวันนี้ ตัดสินใจเพื่อประชาชน 60 ล้านคน เพื่อเป็นการผ่าทางตันให้กับประเทศไปสู่การเลือกตั้งใหม่และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะประชาชนใหญ่กว่าพรรค ไม่ได้ตัดสินใจเพราะคะแนนนิยมของพรรคประชาชน
จากนั้นประธานในที่ประชุมเปิดให้สมาชิกลงคะแนนโดยเปิดเผย เรียกชื่อ สส.รายคนตามลำดับตัวอักษร และให้ สส. ขานออกเสียง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ระหว่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือ นายชัยเกษม นิติสิริ หรือ งดออกเสียง โดยเริ่มลงคะแนนในเวลาประมาณ 15.00 น. ก่อนจะสิ้นสุดในเวลาประมาณ 16.00 น.
ผลปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบนายอนุทิน เป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียง 311 เสียง ขณะที่นายชัยเกษม ได้คะแนนเสียง 152 เสียง และมีการงดออกเสียง 27 เสียง ซึ่งนายอนุทินได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร คือ มากกว่า 247 เสียง ทำให้นายอนุทิน ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
