12 พ.ย. 68 – โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขอให้รัฐบาลยกเลิก MOU ไทย–กัมพูชา ปี 2543–2544 เหตุไม่ผ่านความเห็นชอบรัฐสภา อาจเป็นโมฆะตามรัฐธรรมนูญ เชื่อช่วยปลดล็อกให้ไทยเดินหน้าสร้างกำแพงป้องกันชายแดนได้ 

image

            นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับมอบหมายจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับการยื่นหนังสือจากนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และคณะ ขอให้ประสานไปยังรัฐบาลพิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ไทย–กัมพูชา ปี พ.ศ. 2543 และ 2544 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางบกและทางทะเล เนื่องจากเห็นว่าไม่เคยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภามาก่อน ทั้งที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต จึงอาจถือเป็นโมฆะตามรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2540 และอนุสัญญาเวียนนา

           นายธีระชัย กล่าวว่า เหตุทหารไทยบาดเจ็บขาขาดรายที่ 7 เป็นเหตุสะเทือนใจคนไทย และสะท้อนว่ากัมพูชาไม่ได้ยึดมั่นในปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ซึ่งทั้งสองประเทศลงนามเพื่อยืนยันสันติภาพ พร้อมชื่นชมนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศระงับการดำเนินการตามปฏิญญาดังกล่าว และสั่งเตรียมความพร้อมทางทหารทุกด้าน อย่างไรก็ตาม ขอเสนอให้รัฐบาลหามาตรการป้องกันชายแดนอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การสร้างกำแพง ซึ่งเคยมีการระดมทุนได้แล้วกว่า 200 ล้านบาท แต่ยังติดขัดเพราะ MOU ปี พ.ศ. 2543 กำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย แต่หากยกเลิก MOU ดังกล่าวได้ ไทยจะสามารถดำเนินการได้ฝ่ายเดียวทันที

           ทั้งนี้ นายธีระชัยย้ำว่า MOU ทั้งสองฉบับถือเป็นสนธิสัญญาที่มีผลต่ออาณาเขต ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา หากไม่ดำเนินการตามขั้นตอน ถือว่าฝ่าฝืนกฎหมายภายในประเทศ และมีสิทธิเพิกถอนได้โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 178 วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560

           ด้านหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหาร พปชร. เปิดเผยว่า เคยมีเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศอ้างอิงเส้นเขตแดนตามแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่ฝรั่งเศสจัดทำฝ่ายเดียว ซึ่งไม่ตรงกับแผนที่ทางทหารมาตราส่วน 1:50,000 จึงอาจทำให้กัมพูชานำไปใช้อ้างต่อศาลโลก จึงควรเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะเพื่อความโปร่งใส

           นายคัมภีร์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะนำเรื่องดังกล่าวแจ้งต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ