14 พ.ย. 68 - สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา จัดเวทีสาธารณะ ร่วมคิด ร่วมสร้าง อากาศสะอาดฯ เปิดพื้นที่ให้ประชาชนร่วมเสนอความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ด้านผู้แทนจากทุกภาคส่วนร่วมเสวนา หนุนผ่านร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ก่อนยุบสภา ย้ำความจำเป็นต้องมีกฎหมายเฉพาะทาง พร้อมโทษอาญา แก้ปัญหาการบังคับใช้ที่ล้มเหลว ปกป้องสิทธิในการหายใจอากาศบริสุทธิ์ของประชาชน

image

             สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา จัดเวทีสาธารณะ : ร่วมคิด ร่วมสร้าง อากาศสะอาด คืนลมหายใจบริสุทธิ์ให้ประชาชน ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา โดยมีวิทยากรร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายกฤช ศิลปชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวว่า แม้ไทยมีกฎหมายสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว แต่การบังคับใช้ยังล้มเหลว เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่มีความเข้มงวดในการบังคับใช้ ส่งผลให้ควบคุมมลพิษไม่ได้ผล ร่างกฎหมายใหม่จึงจำเป็นต้องมีโทษทางอาญาและบทลงโทษที่เหมาะสม เพื่อจัดการปัญหาอย่างตรงไปตรงมา โดยเป็นกฎหมายที่ต้องมีความก้าวหน้า ละเอียด และเฉพาะทาง ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับกฎหมายเดิม แม้อาจกระทบต่อนักลงทุน แต่สิ่งสำคัญคือสุขภาพประชาชน พร้อมเรียกร้องให้วุฒิสภาเร่งพิจารณา เพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยเร็ว

             ด้าน นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ วุฒิสภา กล่าวให้ความมั่นใจว่าร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ วุฒิสภาจะสามารถผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและบังคับใช้ได้ทันเวลาก่อนการยุบสภาที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากคาดว่าจะมีการแก้ไขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากวุฒิสมาชิกแก้ไขประมาณไม่เกิน 10 มาตรา อาทิ มาตรา 40, ประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดโทษเล็กน้อย และเรื่องของกองทุน ซึ่งจะโหวตเฉพาะมาตราที่มีการแก้ไขเท่านั้น ทำให้กระบวนการรวดเร็วกว่าในชั้นสภาผู้แทนราษฎรมาก พร้อมย้ำว่าวุฒิสภามีความปรารถนาเช่นเดียวกับประชาชนที่ต้องการเห็นกฎหมายที่ผ่านไปบังคับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

            ขณะที่ รศ.ดร.คนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะรองประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้แสดงความเห็นถึงสถานการณ์การบังคับใช้กฎหมายและความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา โดยชี้ให้เห็นว่า ปัญหามลพิษทางอากาศเกิดจากโครงสร้างระบบที่ซับซ้อนไม่ใช่ตัวบทกฎหมาย ส่งผลให้การบังคับใช้ไม่ทั่วถึงและล่าช้า โดยประชาชนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากมลพิษจำนวนมาก ความล่าช้าในการตรากฎหมายจึงหมายถึงการสูญเสียชีวิตทุกวัน ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ฉบับประชาชนแม้มีเนื้อหาครบถ้วน แต่กลับถูกปรับลดสาระสำคัญระหว่างพิจารณาในสภา สะท้อนความท้าทายของการริเริ่มกฎหมายโดยประชาชน โดย ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยึดหลักสิทธิในการหายใจอากาศสะอาด ซึ่งเป็นสิทธิสากลและกำหนดหน้าที่ของรัฐในการคุ้มครองสิทธิดังกล่าว พร้อมเสนอให้มีหน่วยงานกลางที่สามารถจัดการปัญหาข้ามกระทรวงและหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน

             ดร.นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยและสนับสนุนงานวิจัยสุขภาพ สํานักวิชาการสาธารณสุข สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ กล่าวว่า มลพิษทางอากาศเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเปรียบเทียบว่า โควิด-19 ใน 3 ปีมีผู้เสียชีวิต 30,000 คน (เฉลี่ยปีละ 10,000 คน) แต่มลพิษทางอากาศมีผู้เสียชีวิตถึงปีละ 70,000 คน พร้อมเชื่อว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเปลี่ยนสถานการณ์แน่นอน โดยเน้นสิทธิที่จะรู้ 3 ประการ ได้แก่ สิทธิที่จะรู้สถานการณ์มลพิษปัจจุบัน สำหรับกลุ่มเปราะบาง สิทธิที่จะรู้แหล่งกำเนิดมลพิษ ในพื้นที่และสิ่งที่โรงงานปล่อย สิทธิที่จะรู้และมีส่วนร่วม ในการตัดสินใจโครงการอนาคต อาทิ การพิจารณาความเหมาะสมในการตั้งโรงงาน ซึ่งประชาชนต้องได้รับข้อมูลและรู้เข้าใจเพื่อใช้ตัดสินใจ แม้จะนำเสนอว่าเป็นการสร้างงานให้ประชาชน แต่เมื่อรู้ว่ามลพิษสูงเกินไป ประชาชนควรมีส่วนร่วมตัดสินใจ ส่วนปัญหาและอุปสรรคเห็นว่า ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง คือ ความรุนแรงเชิงวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับชนชั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ และการใช้คำพูดสถาปนาความชอบธรรมของผู้แทนที่ได้รับเลือก พร้อมเห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายนี้ไม่ใช่แค่นำไปใช้ แต่ต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้สังคม โดยต้องเคารพความหวังของประชาชนที่ฝากไว้ แม้กระบวนการจะซับซ้อน แต่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้การทำงานทั้งในชั้น กมธ. ภาคประชาชนและท้องถิ่นที่เริ่มตื่นตัวเตรียมพร้อมทำงานเพื่อประชาชนคนไทย

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ