14 พ.ย.68 -  โฆษก กมธ.พิจารณาร่างแก้ไข รธน. เผยมติที่มาคณะ กมธ.ยกร่าง รธน. จากผู้สมัครที่มีประชาชนรับรอง 100 คน สมัครผ่าน กกต. พร้อมเปิดข้อมูลให้สาธารณะตรวจสอบ ก่อนส่งให้รัฐสภาใช้สูตรสมาชิก 20 คน เสนอชื่อได้ 1 คน เพื่อให้เกิดความหลากหลายทางอุดมการณ์ กรอบเวลาคัดเลือก 60 วัน ยืนยัน กระบวนการสะท้อนเสียงประชาชน ไม่เปิดทางพรรคใหญ่ผูกขาด 

image

        นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐสภา นำทีมโฆษก นางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์ นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ นายเอกพร รักความสุข แถลงความคืบหน้าการพิจารณาร่างกฎหมายว่า วานนี้ (13 พ.ย. 68) ที่ประชุม กมธ.เห็นชอบร่างมาตรา 256/5 ที่มา กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ให้มาจากการสมัครของประชาชนผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยผู้สมัครต้องมีประชาชนรับรองอย่างน้อย 100 รายชื่อ พร้อมยื่นเอกสารแสดงวิสัยทัศน์และอุดมการณ์ความยาว 1 หน้า เปิดเผยให้สาธารณชนตรวจสอบ ก่อนส่งรายชื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกของรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาจะใช้สูตร 20 หยิบ 1 คือให้สมาชิกรัฐสภา 20 คน รวมกลุ่มกันเสนอชื่อผู้สมัครได้ 1 คน เพื่อให้เกิดความหลากหลายของอุดมการณ์ในคณะยกร่างฯ หากไม่สามารถคัดเลือกได้ครบ 35 คน ให้ใช้วิธีที่สมาชิกรัฐสภา 10 คน เสนอชื่อเป็น 2 เท่าของจำนวนที่ยังขาด แล้วให้รัฐสภาลงมติด้วยเสียงมากกว่า 2 ใน 3 โดยกำหนดให้การคัดเลือกเสร็จภายใน 60 วัน และหากได้อย่างน้อย 33 คน (90%) ถือว่าสามารถเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ ส่วนประเด็นการรวมกลุ่มของสมาชิกรัฐสภา 20 คนนั้น มีหลักการจากการรวมตัวของสมาชิกรัฐที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ซึ่งเป็นข้อดีเพราะทำให้คณะยกร่างมีความหลากหลาย และไม่ผูกติดกับพรรคการเมืองใดเพียงพรรคเดียว พร้อมยกตัวอย่างว่า แม้พรรคประชาชนจะได้ สส. 200 คน สามารถเสนอชื่อได้สูงสุด 10 คนจาก 35 คน จึงไม่สามารถครอบงำคณะยกร่างฯ ได้
ขณะที่ น.ส.พนิดา โฆษก กมธ. กล่าวว่ากระบวนการเลือกคณะผู้ยกร่างเป็นหลักการที่ตรงไปตรงมา และสะท้อนเสียงของประชาชน เพราะประชาชนเป็นผู้เลือก สส. ที่จะไปคัดเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญแทนตนเอง และสำหรับสูตร 20 หยิบ 1 ยังช่วยคุ้มครองเสียงข้างน้อย แตกต่างจากสูตรที่ใช้เสียงข้างมาก  อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามย้ำว่า สูตร 20 หยิบ 1 อาจเปิดช่องให้พรรคใหญ่จัดตั้งกลุ่มได้ น.ส.พนิดาชี้ว่า หากพรรคประชาชนได้ 200 ที่นั่งและเสนอชื่อได้ 10 คน ถือเป็นการสะท้อนเสียงประชาชนอย่างตรงไปตรงมา เพราะประชาชนเลือกพรรคและผู้แทนมาเอง ไม่ใช่การล็อกโควตา แต่คือการส่งผ่านเจตนารมณ์ประชาชนให้ สส.ไปคัดเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญแทน และสำหรับประเด็นนี้ นายนรเศรษฐ์ กล่าวเสริมว่า จากองค์ประกอบ 35 คน พรรคที่มี สส.จำนวนมากไม่สามารถถือเสียงข้างมากในกมธ.ยกร่างได้ จึงเป็นหลักประกันความหลากหลายและความสมดุลของตัวแทนจากหลายอุดมการณ์ อีกทั้งเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่าง ๆ จะนำเสนอนโยบายด้านรัฐธรรมนูญต่อประชาชนอย่างชัดเจน ทำให้การเลือกผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญในรัฐสภาเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน

         ด้าน นายเอกพร โฆษก กมธ. กล่าวเพิ่มเติมถึงการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ยกร่าง ตามข้อเสนอของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กมธ.จากพรรคประชาชน ที่เสนอให้ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญถูกห้ามเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง 3 ปี และยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมจาก กมธ.บางรายให้ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองตลอดชีวิต เพื่อให้เกิดความสบายใจว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้งนี้ ยืนยันว่าบรรยากาศการทำงานในคณะ กมธ.เป็นไปอย่างราบรื่น และไม่มีความขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากพรรคการเมืองต่าง ๆ

อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ