สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยสำนักงบประมาณของรัฐสภา (PBO) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(ยูนิเซฟ) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) เรื่อง การเพิ่มขีดความสามารถและเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการวิเคราะห์นโยบายสาธารณะ และงบประมาณด้านสังคม โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเด็กและสตรี โดยมีนายศิโรจน์ แพทย์พันธุ์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นางสาวสิริธร ลิมปพยอม รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และตัวแทนจากยูนิเซฟ Mrs. Severine Leonardi UNICEF Thailand Representative , Mrs.Sarah Shahyar Chief of Social Policy at UNICEF ร่วมลงนามในครั้งนี้
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้เป็นบันทึกข้อตกลงฉบับที่ 3 ซึ่งสะท้อนถึงความตระหนักร่วมกันของทุกฝ่ายถึงความสำคัญของการสานต่อความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของแต่ละหน่วยงาน และสนับสนุนการบูรณาการด้านนโยบายเพื่อส่งเสริมสิทธิและความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก ทั้งผ่านกิจกรรมทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ สำหรับความร่วมมือดังกล่าวถถือเป็นการช่วยสนับสนุนบทบาทของยูนิเซฟ ประเทศไทย ในการคุ้มครองสิทธิเด็ก การเผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์เด็กและสตรี และการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนในทุนมนุษย์ ซึ่งสอดรับกับหน้าที่ของรัฐสภาในการติดตาม ตรวจสอบ และผลักดันนโยบาย–งบประมาณเพื่อประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเพิ่มเติมว่า บันทึกข้อตกลงฉบับใหม่นี้จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการทำงานของทั้งสองหน่วยงานให้บรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และก่อประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะเด็กและสตรีให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่ควรได้รับ เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการคุ้มครอง พัฒนา และมีส่วนร่วมในสังคมอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ ภายในงานยังมีสัมมนา เรื่องบทบาทรัฐสภาต่อการลดช่องว่างทุนมนุษย์ โดยสมาชิกรัฐสภาและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายของยูนิเซฟ ผู้เชี่ยวชาญด้สนวิเคราะห์งบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการกล่าวปาฐกถาของ นางวราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม วุฒิสภา ที่เน้นเรื่องการยุติความรุนแรง สร้างความเท่าเทียม เพื่อลดช่องว่างทุนมนุษย์ด้านเด็กและสตรี โดยระบุถึงประเด็นความรุนแรงต่อเด็กและสตรีเป็นปัญหาที่ฝังรากลึกจากปัจจัยวัฒนธรรม ทัศนคติทางเพศ และโครงสร้างอำนาจ แม้รัฐมี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงฯ และนโยบายความเท่าเทียมทางเพศ แต่การปฏิบัติยังติดขัด ทั้งงบประมาณ การบูรณาการ และกลไกติดตามผล จึงต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน ซึ่งการสัมมนามุ่งศึกษาช่องว่างทุนมนุษย์ด้านเด็กและสตรีในมิติสุขภาพ การศึกษา และความปลอดภัย รวมถึงปัจจัยเชิงนโยบายและงบประมาณ เพื่อนำไปประกอบการศึกษาของ กมธ. พร้อมรวบรวมข้อเสนอพัฒนากลไกคุ้มครองสิทธิ ส่งเสริมบทบาท และยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรี รวมถึงกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐ สภา ประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายลดเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมอย่างยั่งยืน
อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง
