9 ธ.ค.68- “สส.ศนิวาร” ชวนประชาชนร่วมแสดงความเห็นร่าง พ.ร.บ.พื้นที่ชุ่มน้ำ ตั้งแต่บัดนี้ถึง 3 ม.ค.69 หวังยกระดับการอนุรักษ์ระบบนิเวศให้สอดคล้องกับอนุสัญญาแรมซาร์ เปรียบพื้นที่ชุ่มน้ำเป็น “ฟองน้ำธรรมชาติ” ช่วยบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง

image

        ดร.ศนิวาร  บัวบาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พื้นที่ชุ่มน้ำ พ.ศ. .... ว่า พื้นที่ชุ่มน้ำเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมต่อท้องถิ่นและของโลก คุณประโยชน์ของพื้นที่ชุ่มน้ำมีมากจนไม่สามารถประเมินค่าได้ เช่น การลดความเสี่ยงและผลกระทบจากน้ำท่วมและภัยแล้ง การรักษาเสถียรภาพของชายฝั่ง การรักษาคุณสมบัติทางอุทกวิทยาของระบบแม่น้ำลำคลอง เป็นแหล่งที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ให้คุณค่าทางวัฒนธรรมและทางเศรษฐกิจต่อชาวบ้านและชุมชน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลับพบว่า พื้นที่ชุ่มน้ำทั่วโลกถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก มีภัยคุกคามอันมาจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยเหตุนี้หลายประเทศในโลกที่ตระหนักถึงความสำคัญ และคุณค่าของพื้นที่ชุ่มน้ำ จึงได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำหรืออนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) ซึ่งเป็นความตกลงระหว่างประเทศเพื่อความร่วมมือในการอนุรักษ์และยับยั้งความสูญหายของพื้นที่ชุ่มน้ำในโลก ที่มีพันธกิจประการสำคัญกล่าวถึงการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาดของพื้นที่ชุ่มน้ำในการดำเนินงานระดับชาติโดยความร่วมร่วมมือในระดับนานาชาติ เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยังยืนในทุกภูมิภาคทั่วโลก  โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ 2 ประการ คือ เพื่อการอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยของนกน้ำที่อาศัยอยู่ในพื้นพื้นที่ชุ่มน้ำ และยับยั้งการสูญเสียของพื้นที่ชุ่มน้ำในโลก เพื่อให้มีระบบการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำตามหลักการของความยั่งยืนและการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด โดยประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.41 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายอนุวัติการให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

        ดร.ศนิวาร กล่าวถึงความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำ ว่า เปรียบเสมือน “ฟองน้ำธรรมชาติ” ที่ช่วยบรรเทาอุทกภัย รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนอย่างดีในการช่วยลดโลกร้อน ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ร่วมกำหนดทิศทางการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำทั่วประเทศ เพื่อให้ร่างกฎหมายฉบับนี้มีความรอบด้าน และเหมาะสมกับบริบทไทยมากที่สุดร่วมแสดงความคิดเห็นได้

        สำหรับประเด็นที่เปิดรับฟังความเห็น ประกอบด้วย การกำหนดองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ และวิธีดำเนินงานของคณะกรรมการพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งชาติ คณะกรรมการพื้นที่ชุ่มน้ำจังหวัด และคณะกรรมการพื้นที่ชุ่มน้ำกรุงเทพมหานคร การกำหนดให้องค์กรเอกชนที่มีวัตถุประสงค์หรือกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับพื้นที่ชุ่มน้ำในท้องถิ่นสามารถจดทะเบียนเป็นองค์กรชุมชนพื้นที่ชุ่มน้ำท้องถิ่น การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมทั้งกระบวนการในการจัดทำแผนอนุรักษ์และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ประจำพื้นที่ชุ่มน้ำแต่ละประเภท การจัดตั้งกองทุนพื้นที่ชุ่มน้ำในกรมทรัพยากรน้ำ แหล่งที่มาของเงินกองทุน พร้อมทั้งองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุน และการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อกิจการต่าง ๆ การกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการในการคุ้มครองและดูแลรักษาพื้นที่ชุ่มน้ำ ข้อกำหนดว่าด้วยการขุดและถมพื้นที่ชุ่มน้ำ และการกำหนดหน้าที่และอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้

        ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 3 ม.ค.69 ผ่านเว็บไซต์รัฐสภา www.parliament.go.th ในหัวข้อการรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ