นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ กมธ.ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การอพยพผู้ลี้ภัยการสู้รบเมียนมาและความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยได้หารือร่วมกับตัวแทนภาคประชาสังคมและองค์กรชุมชน ภายหลังลงพื้นที่และรับฟังข้อมูล พบปัญหาว่า เหตุความไม่สงบในเมียนมาที่รุนแรงขึ้น และกฎหมายบังคับเกณฑ์ทหาร ทำให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบหลบหนีมาบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาและหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่หน่วยงานรัฐยังขาดทรัพยากรที่จะดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก คนแก่ คนพิการ ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่ได้รับสิทธิและการดูแลที่จำเป็น นอกจากนี้ไทยยังไม่มีมาตรการจัดการกับผู้หนีภัยที่มีการศึกษา มีทักษะที่จะเป็น หมอ วิศวะกร ครู และทักษะอาชีพอื่นๆ ซึ่งคนเหล่านี้สามารถส่งเสริมเศรษฐกิจไทยได้ หากได้รับโอกาส อีกทั้งผู้หนีภัยที่เข้ามาในประเทศไทยไม่ได้ถูกลงทะเบียนอย่างทั่วถึง ทำให้หน่วยงานต่างๆ ไม่ทราบตัวเลขที่แท้จริงของชาวเมียนมาในที่เข้ามาในไทย และไม่สามารถบริหารจัดการได้
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เมื่อมีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นในเมียนมา ชาวเมียนมาที่หลบหนีเข้ามาในไทยจะถูกรับรองอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว(Temporary Safety Area - TSA) ซึ่งมักเป็นพื้นที่ของเอกชน หลายครั้งได้ใช้คอกสัตว์เป็นที่รับรอง ซึ่งไม่ถูกสุขลักษณะและเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ส่วนการบริหารจัดการในหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ไม่มีมุมมองที่กว้างพอในการบริหารจัดการความต้องการของเด็กและกลุ่มเปราะบางอื่นๆ โดยหากไม่สามารถให้ NGOs เข้าไปมีส่วนร่วมได้ ควรมีหน่วยงานรัฐที่สามารถดูแลเด็กได้เข้ามาดูแล เช่น กรมกิจการเด็กและเยาวชน หรือ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง