2 พ.ค. 67 - สส.พรรคก้าวไกล ขอรัฐบาลเตรียมแผนเยียวยาประชาชน - นักผจญเพลิง ระงับเหตุเพลิงไหม้สารเคมี จ.ระยอง และพระนครศรีอยุธยา พร้อมมีแผนปฏิบัติชัดเจนด้านการจัดเก็บและขนย้าย 

image

            นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พร้อมด้วยนายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พระนครศรีอยุธยา พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากอุตสาหกรรมและสารเคมีในพื้นที่จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อวานนี้ (1 พ.ค. 67 ) เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมีขึ้นที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกครั้ง โดยนายชุติพงศ์ กล่าวว่าจากการร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร และคณะกมธ.การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่ประชุมมีข้อกังวลเกี่ยวกับการกำจัดสารเคมี โดยต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดำเนินการกำจัดสารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย เนื่องจากล่าสุดพบว่าพื้นที่เกิดเหตุที่จังหวัดระยองยังคงมีไฟปะทุอยู่ และมีกลุ่มควัน ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพโดยเฉพาะนักผจญเพลิงที่ต้องเข้าไปควบคุมเพลิง โดยไม่อาจทราบได้ว่าในโรงงานดังกล่าวเก็บสารเคมีชนิดใดไว้บ้าง ดังนั้นภาครัฐควรต้องกำหนดให้มีการเปิดเผยชนิดของสารเคมีที่ถูกเก็บไว้ในโรงงานต่าง ๆ เพื่อสามารถทราบวิธีการดับไฟและกำจัดสารเคมีต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย 

          ด้านนายทวิวงศ์ กล่าวถึงสถานการณ์เพลิงไหม้ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่าวานนี้ตนได้ลงพื้นที่ไปปยังศูนย์อพยพชั่วคราววัดโคกม่วง อำเภอภาชี ทั้งนี้ขอขอบคุณผู้นำท้องถิ่น และหน่วยงานสาธารณสุข ที่ได้เตรียมการเพื่อรองรับประชาชนที่จะเข้ามายังศูนย์อพยพดังกล่าวโดยพบว่ามีประมาณ 30 คน แต่คาดว่าวันนี้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ป่วยในโรงพยาบาลภาชี ทราบว่าได้ขนย้ายไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อความปลอดภัยแล้วเนื่องจากโรงพยาบาลภาชีตั้งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 600 เมตร ส่วนด้านการควบคุมเพลิงเมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงได้ผนึกกำลังเข้าปฏิบัติหน้าที่ และทราบว่ามีสารเคมีที่ออกฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงบนพื้นโรงงานจึงต้องปรับแผนการควบคุมเพลิงเป็นการฉีดจากหลังคาโรงงานแทน อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เตรียมแผนเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นักผจญเพลิงที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นด่านหน้า โดยต้องมีค่าชดเชยและค่าเสี่ยงภัยอย่างเหมาะสม เป็นธรรม นอกจากนี้นายชุติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า จากเหตุทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้นมีการตั้งข้อสังเกตว่า 2 บริษัททั้งที่ระยอง และพระนครศรีอยุธยา เป็นบริษัทที่อยู่ในเครือเดียวกันและมีกลุ่มบุคคลเดียวกันกำกับดูแล จึงขอให้รัฐบาลตรวจสอบอย่างจริงจังเรื่องการจัดเก็บ การขนย้ายสารเคมีอันตราย และมีแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปปธรรมต่อการแก้ปัญหากากอุตสาหกรรมและสารเคมีในแต่ละพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน 

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ