นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดภูเก็ต พรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์ขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดและเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น จังหวัดภูเก็ต และเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญปัญหาหนักขึ้นและนานขึ้นทุกปีในช่วงหน้าแล้ง โดยจากการลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำเขื่อนบางวาด อำเภอกะทู้ และอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พบว่าทั้งสองแหล่งน้ำมีสภาพตื้นเขิน เก็บกักน้ำได้น้อย และไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับผลิตน้ำประปา ปัญหานี้เกิดจากอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่แยกส่วนและไม่สัมพันธ์กัน เขื่อนและอ่างเก็บน้ำอยู่ในการบริหารของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่การประปาส่วนภูมิภาคเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ส่งผลให้การทำงานไม่สอดประสานกัน การแก้ปัญหาน้ำขาดแคลนจึงเป็นไปด้วยความล่าช้า ไม่ทันต่อสถานการณ์
นายฐิติกันต์ ยกตัวอย่างปัญหาการจัดการน้ำที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ว่าจังหวัดภูเก็ตมีการให้บริการน้ำโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น เทศบาลนครภูเก็ต เทศบาลตำบล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งกำลังประสบปัญหาไม่สามารถจัดหาแหล่งน้ำได้เพียงพอ เนื่องจากข้อติดขัดเรื่องเขตอำนาจการปกครอง เช่น ตำบลเทพกระษัตรีที่ประกอบด้วยสององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในตำบลเดียว ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลเทพกระษัตรี และเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี แต่พื้นที่ที่เป็นแหล่งน้ำตั้งอยู่ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลเทพกระษัตรีเพียงที่เดียวส่วนพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นแต่ไม่มีแหล่งน้ำ คือเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้การแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำ เช่น ต้นทุนการผลิตน้ำที่มีราคาสูง ค่าใช้จ่ายการวางท่อประปาไปยังพื้นที่ชุมชนที่ไม่ใช่ถนนสายหลัก การขาดการประมาณการผู้ใช้น้ำของหน่วยงานภาครัฐ และการลักลอบต่อท่อจากแหล่งเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตามหากยังไม่มีการดำเนินการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ มองว่าจะกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยตรง ดังนั้นภาครัฐควรวางแนวทางแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยระยะสั้นผู้ให้บริการน้ำประปาทั้งการประปาส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องจัดหาแหล่งน้ำเข้าสู่ระบบให้เพียงพอและต้องไม่ผลักภาระไปให้ประชาชนหาซื้อรถน้ำจากเอกชนมาใช้เอง ส่วนระยะกลางภาครัฐควรผลักดันให้กรมชลประทานขุดลอกเขื่อนและอ่างเก็บน้ำให้เพียงพอต่อการเก็บกักน้ำในปีต่อไป และการประปาส่วนภูมิภาคควรจัดหาแหล่งน้ำเพิ่ม เร่งเจรจากับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีแหล่งน้ำในพื้นที่ และจัดสร้างระบบเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง และข้อเสนอเชิงโครงสร้างในระยะยาว ภาครัฐควรถ่ายโอนภารกิจของการประปาส่วนภูมิภาคมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยให้เป็นผู้นำในการบริหารจัดการ จัดหาแหล่งน้ำ ควบคุมน้ำประปาให้สะอาดและมีมาตรฐาน รวมถึงวางระบบเก็บกักน้ำใต้ดินที่รับน้ำช่วงฤดูฝนมาใช้ในช่วงฤดูแล้ง ทั้งนี้จะทำให้การบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคในจังหวัดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง
