4 มิ.ย. 68 - ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากกลุ่มผู้เสียหาย ถูกหลอกผ่อนบ้าน รวมความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท พร้อมเสนอแนวทางอุดช่องว่างกฎหมาย ป้องกันเอาเปรียบผู้บริโภค

image

            นายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับมอบหมายจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนรับหนังสือจากนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ซึ่งได้นำคณะผู้เสียหาย เข้าร้องเรียนกรณีถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง หลอกลวงให้ผ่อนบ้าน
            นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งมีอยู่ประมาณกว่า 400 คน ถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลอกลวง ทำให้สูญทรัพย์สิน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท บริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจในลักษณะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนผ่านการเช่าซื้อบ้าน โดยอ้างว่าเป็นระบบเช่าออมและจะนำเงินบางส่วนไปเป็นค่าดาวน์บ้านให้ แต่ต่อมากลับพบว่าผู้เสียหายถูกฟ้องขับไล่ หรือไม่ได้รับสิทธิในบ้านตามที่ตกลงไว้  นอกจากนี้มีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายและศัพท์เฉพาะที่ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเข้าใจผิด คิดว่าเป็นระบบซื้อบ้านทั่วไป ขณะที่ในความเป็นจริงหลายกรณีไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ หรือยังติดภาระจำนองเดิม ส่งผลให้ผู้ซื้อกลายเป็นลูกหนี้ซ้ำซ้อน และบางรายยังถูกเรียกค่าเสียหายหรืออายัดเงินเดือน สำหรับการลอกลวงมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเสนอขายบ้านมือสองจากกรมบังคับคดี หรือจากเจ้าของบ้านที่ติดหนี้ การเสนอให้ลูกค้าเช่าอยู่ไปก่อน และอ้างว่าจะนำเงินค่าเช่าไปสะสมเป็นค่าดาวน์ เมื่อจ่ายครบตามเวลาที่กำหนดจะให้ลูกค้าโอนเป็นเจ้าของได้ แต่ในความเป็นจริงพบว่าหลายรายไม่ได้รับการโอนกรรมสิทธิ์ บางรายถูกฟ้องขับไล่ บริษัทดังกล่าวนี้ไม่ใช่บริษัทสินเชื่อที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ใช้โมเดลกึ่งเช่าซื้อ นายหน้า ขายฝาก ทั้งยังมีการโฆษณาซึ่งมีลักษณะโน้มน้าวผู้ที่ไม่มีความรู้ทางกฎหมายหรือมีปัญหาเครดิตให้เชื่อว่าเป็นเจ้าของบ้านได้จริงแม้ไม่มีเครดิต หรือ ไม่ต้องดาวน์บ้านก็เข้าอยู่ได้ ทำให้เข้าใจว่าเป็นสินเชื่อหรือการผ่อนซื้อ แต่ไม่มีใบอนุญาตให้สินเชื่ออย่างถูกต้อง
            นายแทนคุณ กล่าวต่อถึงข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ การควบคุมสัญญาเช่าซื้อ กำหนดระยะเวลาบังคับให้โอนกรรมสิทธิ์ภายใน 30-60 วัน จำกัดสิทธิในการฟ้องขับไล่เฉพาะผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนด และให้อยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมเสนอให้เพิ่มฐานความผิดในกฎหมายฟอกเงิน เพื่อปิดช่องว่างการเอาเปรียบผู้บริโภค พร้อมเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และกองบังคับการปราบปราม เพื่อเร่งดำเนินคดีและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็ว
            ด้านนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ฝากความห่วงใยถึงผู้บริโภคที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้วถูกหลอกลวง จากการรับฟังข้อมูลเบื้องต้น เห็นว่าเรื่องนี้มีการใช้อิทธิพลเถื่อนเข้ามาข่มขู่ผู้เสียหายด้วย ขณะที่ความช่วยเหลือจากทางราชการมีความล่าช้า ทั้งนี้จะนำปัญหาดังกล่าวนำเรียนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรทราบเพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหาต่อไป

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ