นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศกำหนดภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ทั่วโลก (Reciprocal Tariff) โดยจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 19% จากเดิม 36% ว่า ถือเป็นข่าวดี ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับหลายประเทศในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และกัมพูชา ส่วนเวียดนามอยู่ที่ 20% การลดภาษีดังกล่าวถือเป็นสัญญาณดีและประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขการเก็บภาษี โดยเฉพาะการตรวจสอบสัดส่วนวัตถุดิบ และองค์ประกอบสินค้าจากภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปรับเพิ่มภาษีได้ในอนาคต พร้อมเตือนว่าการเจรจาเปิดตลาดสินค้า 0% ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากสินค้าเกษตรหลายประเภท เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ มีความอ่อนไหว และอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทย อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวดีจากการลดภาษี แต่สิ่งสำคัญคือรัฐบาลต้องเร่งเปิดเผยรายละเอียดของการเจรจา และมาตรการเยียวยาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการและเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมงบประมาณรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่ ยังไม่เพียงพอ ซึ่งยังมีงบกลางเงินสำรองใช้จ่ายฉุกเฉินที่สามารถนำมาใช้ได้
นางสาวศิริกัญญา ยังแสดงความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการค้าภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจมีมาตรการปรับขึ้นภาษีเพิ่มเติม โดยเฉพาะหากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชายังไม่ยุติ อาจถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการเจรจาการค้าในอนาคต ภายใต้บริบทที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจหวังใช้บทบาทตัวกลางหยุดยิง เพื่อเข้าสู่รายชื่อผู้เสนอชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ พร้อมย้ำว่าการทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่อาจกระทบระบบเศรษฐกิจโดยรวม ต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและความเห็นชอบจากรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178 เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและรอบคอบในการตัดสินใจของรัฐบาล
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง