นายเตชสิทธิ์ ชูแก้ว รองโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา พร้อมด้วยคณะอนุ กมธ.การบริหารจัดการหนี้สินครัวเรือนเกษตรกรไทย ลงพ้นที่ศึกษาดูงานและรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการบริหารจัดการหนี้ โครงการและมาตรการ รวมถึงแนวทางในการส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีนายกฤษณธร เลิศสำโรง นายอำเภอปักธงชัย พร้อมด้วยเกษตรกรในพื้นที่ หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ที่ว่าการอำเภอปักธงชัย ตำบลเมืองปัก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
นายเตชสิทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน อำเภอปักธงชัย แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 16 ตำบล 215 หมู่บ้าน มีพื้นที่ทั้งหมด 626,598 ไร่ เป็นพื้นที่การเกษตรประมาน 199,475 ไร่ ครัวเรือนเกษตรกร 13,108 ครัวเรือน มีสถาบันการเกษตรและการรวมกลุ่มเกษตรกรที่สำคัญทั้งวิสาหกิจชุมชน กลุ่มส่งเสริมอาชีพ Smart Farmer และ Young Smart Farmer โดยมีเกษตรกรที่เป็นหนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธนาคาร ธกส.) อำเภอปักธงชัย จำนวนกว่า 5,000 กว่าราย มีหนี้ NPL กว่า 27 ล้านบาท โดยกรณีการกู้เพื่อการเกษตรประมาณ 1,397 ล้านบาท เป็นหนี้ปกติ 1,359 ล้านบาท และหนี้ NPL 38 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธนาคาร ธกส. ได้ดำเนินมาตรการที่สำคัญเพื่อฟื้นฟูพัฒนาศักยภาพลูกค้าผ่านการพัฒนาอาชีพและพัฒนาลูกค้า “3 ลด 3 เพิ่ม 3 สร้าง ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอาชีพเดิม สร้างอาชีพเสริม เพิ่มทักษะของเกษตกร เชื่อมโยงตลาดตลอดห่วงโซ่อุปทานเน้นค้นหาตลาดในชุมชน ลดต้นทุนและการจัดการโลจิสติกส์ ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง 3 รู้ 9 แนวทาง สร้างภูมิคุ้มกันและวินัยทางการเงินผ่านการให้ความรู้ เปลี่ยนวิธีคิด ปรับวิธีทำใช้ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม รวมไปถึงการจัดหลักสูตรระยะสั้นเพื่อให้ความรู้ในการประกอบการเกษตรแก่เกษตรกร
นายเตชสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า กมธ.การเกษตรฯ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่เกี่ยวกับการประกอบอาชีพเกษตรกรรายได้ รายจ่าย ภาระหนี้สิน รวมถึงปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้เกษตรกรเป็นหนี้ โดยกลุ่มเกษตรกรได้สะท้อนปัญหาในหลายประเด็น อาทิ 1. ปัญหาปัจจัยการผลิต อาทิ การ ขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง พื้นที่เกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่พึ่งพาการชลประทานที่จำกัดโดยเฉพาะในฤดูแล้ง ทำให้การปลูกข้าวนาปรุงและพืชอื่น ๆ ลดลง เช่นเดียวกับคุณภาพดินเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่ลดลง รวมทั้งเกษตรกรขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลการเกษตร 2. ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ได้แก่ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น สภาพอากาศและการจัดการที่ดินไม่เหมาะสม ขณะที่ผลผลิตต่อไร่ผันผวน คุณภาพผลผลิตไม่สม่ำเสมอไม่ได้มาตรฐานที่ตลาดต้องการเนื่องจากขาดการควบคุมคุณภาพ 3. ปัญหานโยบายภาครัฐที่ขาดการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและไม่เอื้อต่อการทำการเกษตร รวมทั้งขาดการส่งเสริมให้เอกชนทำการแปรรูปสินค้าเกษตรให้มีความหลากหลาย ขาดแหล่งอุตสาหกรรมเข้ามารองรับ
นายเตชสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า กมธ.การเกษตรฯ จะนำข้อมูลที่ได้รับไปประกอบการพิจารณาในระดับคณะอนุ กมธ.การบริหารจัดการหนี้สินครัวเรือนเกษตรกรไทย พร้อมจัดทำรายงานการพิจารณาศึกษาการบริหารจัดการหนี้สินครัวเรือนเกษตรกรไทย เสนอต่อวุฒิสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา