นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการฯ วันนี้ ว่า หลัก ๆ เป็นเรื่องผลกระทบจากการที่แรงงานกัมพูชากลับประเทศ ซึ่งเดิมมีตัวเลขแรงงานกัมพูชาถูกกฎหมายราว 3 แสนคน แต่ปัจจุบันเหลือ 10% ซึ่งกระทบภาคการผลิต ทั้งการเกษตร และการก่อสร้าง ซึ่งสถานการณ์ชายแดนหลังการปะทะ ไม่เหมือนเดิม ไม่ได้แค่มีปัญหาเรื่องการเยียวยาไม่เพียงพอ แต่ยังมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจด้วย หากฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่ได้ จะกระทบต่อเศรษฐกิจตามแนวชายแดนทั้งระบบ ซึ่งผลกระทบการไม่มีแรงงานเป็นเรื่องใหญ่จำเป็นต้องหาแนวทางดำเนินการในเรื่องนี้ โดยได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กลุ่มสันนิบาตสหกรณ์จังหวัดตราด และหลายภาคส่วน โดยเห็นข่าวว่ากระทรวงแรงงานพยายามนำเข้าแรงงานจากประเทศศรีลังกา ซึ่งต้องหารือว่ามีความจำเป็นอย่างไร
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อีกเรื่องเป็นเรื่องการทุจริตนำเข้าแรงงงานกัมพูชา โดยจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้อำนวยความสะดวก และได้สิทธิพิเศษ ซึ่งตอนนี้ทราบชื่อบริษัทเป้าหมายแล้ว โดยยอมรับว่าวงการแรงงาน มีทั้งเรื่องทุจริต ค้ามนุษย์ เรื่องสีเทาสีดำเต็มไปหมด
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังให้ความเห็นถึงกรณีที่ทหารเรือไทยเก็บกู้ทุ่นระเบิด และเจอโทรศัพท์มือถือของฝ่ายกัมพูชาตกอยู่ ว่าจะเป็นแต้มต่อให้กับไทยหรือไม่ โดยระบุว่า ไทยมีแต้มต่อเยอะ อยู่ที่ว่าจะใช้หรือไม่ อย่างแรกเรื่องละเมิดอนุสัญญาออตตาวา แม้จะไม่มีภาพ แต่ไทยก็มีหลักฐานเพียงพอว่ากัมพูชาละเมิด ซึ่งเท่าที่เห็นนานาชาติไม่ได้มีการประณามการกระทำของกัมพูชาอย่างเป็นระบบ ยังอยู่ขั้นนำเสนอข้อมูลให้นานาชาติ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศต้องดูว่าเป็นเพราะอะไรที่ไม่ประณาม และการมีภาพเพิ่มขึ้น มีหลักฐานชัดเจน เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อไทย แต่กัมพูชาก็จะบอกว่าไทยจัดฉาก ไทยก็ต้องชี้แจงนานาชาติว่าไม่ใช่ ต้องรุกต่อไป หากจะให้คนออกมาตำหนิแล้วค่อยทำทีละเรื่อง ไทยจะเสียเชิงในเวทีต่างประเทศได้ และเห็นว่าจุดตายของกัมพูชา คือ การพาไปศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court: ICC) โดยยืนยันว่าการที่กัมพูชาเป็นภาคี ไทยสามารถเอาผิดได้ในหลายมิติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การที่กัมพูชาโจมตีเป้าหมายพลเรือน ทำให้ได้เปรียบ ซึ่งไทยสามารถแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กันได้ ทั้งเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การแก้ปัญหาการนำไปสู่การปะทะ หากทำสำเร็จจะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว
นายรังสิมันต์ เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เป็นปัญหาระหว่างรัฐบาลกัมพูชากับรัฐบาลไทย ไม่ควรให้ความขัดแย้งนี้ขยายวง โดยการใช้กลไก ICC เป็นทางเลือกที่สำคัญอย่างมาก ชาวบ้านที่เดือดร้อนสามารถเป็นผู้ร้อง ร้องไปยัง ICC เอาผิดกัมพูชาได้ ส่วนมติสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ให้ฟ้องภายในประเทศ มองว่าขั้นตอนทางกฎหมายภายในประเทศ เป็นเพียงการส่งสัญญาณ หากไม่ดำเนินการจริงจังก็เท่านั้น ฝ่ายความมั่นคงทราบดีว่ากัมพูชาใช้ไทยเป็นฐานฟอกเงิน หากรัฐบาลให้ข่าว แต่ไม่ยึดทรัพย์ก็เปล่าประโยชน์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ต้องยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน ซึ่งเรื่องนี้ล่าช้า ต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก โดยตนเป็นห่วงว่าส่วนหนึ่งที่ไทยยั้งมืออาจเพราะไทยมีผลประโยชน์ในกัมพูชาอยู่มาก อาจเป็นไปได้ที่เอามาต่อรอง ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องออกมาตอบคำถามและสร้างความมั่นใจว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ ทราบดีเรื่องผลประโยชน์ของ 2 ตระกูล นั้น มีมานานแต่ต้องยึดผลประโยชน์ของชาติมากที่สุด และควรใช้โอกาสนี้ในการสร้างสันติภาพระยะยาว เป็นโอกาสดีที่จะแก้ปัญหาหลายเรื่องที่ไทยและกัมพูชาขัดแย้งกัน
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
