ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรมหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ต่อจากเมื่อวานนี้ (13 ส.ค.68) โดยเป็นการอภิปรายมาตรา 14 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานในกำกับ
นายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาชน อภิปรายถึงการใช้งบประมาณของกรมปศุสัตว์ในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ด้านอาหารสัตว์และวัตถุอันตรายด้านการปศุสัตว์ และการเชื่อมโยงข้อมูลระบบ National Singel Window (NSW) ในรูปแบบ Single Submission ตำบลบางกระดี อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1 ระบบ ซึ่งเป็นการปรับปรุงแอปพลิเคชัน DLD NSW3 ใช้งบประมาณกว่า 18 ล้านบาท ซึ่งเปิดใช้งานตั้งแต่เดือน ต.ค.64 แต่มียอดดาวน์โหลดระบบ IOS 315 ครั้ง และระบบ Android 82 ครั้ง และเมื่อเข้าไปใช้งานกลับมีการย้ายระบบฐานข้อมูลไปแล้ว จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดกรมปศุสัตว์ถึงเสนองบประมาณเข้ามาทั้งที่มีการย้ายระบบไปแล้ว นอกนี้ ยังมีการจัดทำแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกถึง 6 แอปพลิเคชัน ที่มีความซ้ำซ้อน ไม่มีผู้ใช้งานจริง และลงทะเบียนใช้งานไม่ได้ มียอดดาวน์โหลดไม่ถึง 20,000 ครั้ง ทั้งที่ฟังก์ชั่นการใช้งานรวมทั้งฐานข้อมูลมีอยู่ในเว็บไซต์ของกรมปศุสัตว์โดยไม่จำเป็นต้องพัฒนาแอปพลิเคชันเพิ่มเติม
นายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส. จังหวัดลำพูน พรรคประชาชน อภิปรายถึง นโยบายล้งแห่งชาติ ที่มีความเสี่ยงล้มเหลว โดยมีการตั้งบประมาณ 11.61 ล้านบาท เพื่อศึกษาต้นแบบล้งแห่งชาติให้ อ.ต.ก. เข้ามาทำหน้าที่แทนเอกชน อย่างไรก็ตาม ตนมองว่ารัฐวิสาหกิจมีปัญหาขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างที่ล่าช้า ขาดทักษะการตลาดเชิงพาณิย์ ทำให้ขายสินค้าไม่ได้เต็มมูลค่า แต่โมเดลทางออกที่แท้จริงรัฐบาลควรมีการจดทะเบียนล้ง-โรงคัดให้มีมาตรฐาน ออกกฎหมายควบคุมล้งต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49% สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและท้องถิ่นด้วย สินเชื่อและเทคโนโลยี สร้างแพลตฟอร์มกลางเชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้ส่งออก ลดอำนาจพ่อค้าคนกลางช่วยให้เกิดการซื้อขายโดยตรง
นายราชิต สุดพุ่ม สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช ของกรมชลประทาน วงเงิน 9,800 ล้านบาท ว่า ปัจจุบันโครงการนี้มีความคืบหน้าน้อยมากผ่านไป 8 เดือนแล้ว ทำไปได้เพียง 46.5% เท่านั้น โดยมีเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในปี 2570 แต่หน่วยงานรัฐยอมรับว่าไม่สามารถทำได้ทัน เพราะยังก่อสร้างสะพานรถยนต์ 5 แห่งที่ตัดผ่านคลองระบายน้ำไม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะเสร็จภายในปี 2572 ตนขอฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ประสานไปยังกระทรวงคมนาคมด้วย โดยเร่งรัดให้ดำเนินโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จพร้อมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรและประชาชน
ด้านนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส. จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายพร้อมตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณปี 2569 ของกรมการข้าวที่ได้รับจัดสรรกว่า 3,800 ล้านบาท โดยเฉพาะแผนยุทธศาสตร์การเกษตรสร้างมูลค่า ที่ได้รับงบประมาณไปประมาณ 3,300 ล้านบาท ว่า หากเงินจำนวนนี้ถูกนำไปพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ข้าวหรือช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรชาวนาจะไม่มีข้อสงสัย แต่กลับพบว่ามีการใช้งบประมาณถึง 1,900 ล้านบาท ในโครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และที่น่ากังวล คือ งบประมาณเกือบ 1,700 ล้านบาท เป็นงบครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง เช่น การซื้อรถบรรทุกและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ทำให้เหลืองบประมาณสำหรับการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเหลือเพียงไม่กี่ร้อยล้านบาทเท่านั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่า กมธ.วิสามัญได้มีการสอบถามกรมการข้าวหรือไม่ว่า เงินกว่า 3,300 ล้านบาทนี้ จะช่วยยกระดับปรับปรุงพัฒนาพันธุ์ข้าวได้อย่างไร ขณะที่ การใช้จ่ายงบประมาณของกรมชลประทาน ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นอันดับต้น ๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้รับงบประมาณ 62,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณของกรมชลประทานถึง 40,000 ล้านบาท คิดเป็น 70-80% โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กรมชลประทานได้รับเงินงบประมาณไปหลายแสนล้านบาท หรือแม้กระทั่งหลายล้านล้านบาทแล้ว. แต่คำถาม คือ เงินเหล่านี้ได้ถูกนำไปแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างแหล่งน้ำให้เกษตรกรมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซากที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อาทิ พื้นที่ภาคเหนือ และลุ่มน้ำเจ้าพระยา (นครสวรรค์, อุทัยธานี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, ลพบุรี, อยุธยา, ปทุมธานี) ก็จะประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอีกครั้ง ตนฝากคำถามให้ กมธ. ชี้แจงแผนการแก้ไขปัญหาและสร้างแหล่งน้ำอย่างยั่งยืนด้วย
นายนพพล เหลืองทองนารา สส.จังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงงบประมาณของกรมชลประทาน โดยชี้ว่า แม้ว่ากรมชลประทาน ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ประสิทธิภาพการทำงานที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยฉพาะแผนการส่งน้ำในฤดูนาปีที่ยังคงใช้หลักการเดิม คือ รอให้กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเข้าฤดูฝนก่อนจึงกำหนดแผนส่งน้ำ ซึ่งขัดกับความต้องการของเกษตรกรที่ต้องการความยืดหยุ่น ทั้งที่ปี 68 กรมอุตุฯ และหน่วยงานอื่น ๆ ก็แจ้งว่าฝนจะมาเร็วกว่าปกติ แต่กรมชลประทานก็ยังยึดหลักเดิม ทำให้แผนยุทธศาสตร์การเพิ่มประสิทธิภาพของกรมชลประทานไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ กองทุนจัดรูปที่ดินของกรมชลประทาน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการทำคูคลองไปถึงปลายนา แต่ในความเป็นจริงกลับทำได้น้อยมากเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้หลายหมื่นไร่ต่อปี ตนเห็นด้วยกับการปรับลดงบประมาณของกรมชลประทาน
ด้านนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส. จังหวัดราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวอภิปรายงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ปัจจุบันเกษตรกรทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดราชบุรี อำเภอบ้านโป่ง ต้องเผชิญปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำอย่างหนัก สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เนื่องจากปัจจุบันไม่มีโครงการประกันรายได้เหมือนในอดีต เห็นได้จากราคาข้าวในปัจจุบันที่เหลือเพียงเกวียนละ 5,000 - 6,000 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ยา หรือค่าแรงกลับเพิ่มสูงขึ้น. เช่นเดียวกับชาวไร่มันสำปะหลังที่เคยขายได้ตันละกว่า 3,000 บาท ปัจจุบันกลับเหลือเพียง 600-800 บาทต่อตันเท่านั้น และภาวะเศรษฐกิจซบเซาเป็นผลมาจากการที่เกษตรกร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่มีรายได้ เมื่อเทียบกับรัฐบาลสมัยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีโครงการประกันรายได้เกษตรกรที่ช่วยให้ชาวนามีรายได้ถึงเกวียนละ 10,000 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นการแทรกแซงกลไกราคาข้าวในตลาด แต่เป็นการประกันรายได้ หากราคาข้าวในตลาดต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเกวียน รัฐบาลจะจ่ายส่วนต่างเพิ่มเติมผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธนาคาร ธ.ก.ส.) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่ได้ดำเนินโครงการประกันรายได้ ทำให้เกษตรกรขาดรายได้เพิ่มเติมและต้องเผชิญกับราคาที่ตกต่ำตามกลไกตลาดโดยตรง
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะ กมธ.วิสามัญ เสียงข้างมาก กล่าวชี้แจงว่า โครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวฯ ของกรมการข้าวนั้น ทาง กมธ.วิสามัญ ไม่ได้สอบถามลึกถึงจำนวนแม่พันธุ์ข้าว แต่ทางกรมการข้าว ได้ยืนยันตามผลผลิตของการใช้จ่ายงบประมาณ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่ต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามคำขอรับงบประมาณ ส่วนโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช ของกรมชลประทาน นั้น กมธ.วิสามัญ พิจารณาเฉพาะตัวคำขอรับงบประมาณที่เสนอเข้ามา มีการซักถามถึงโครงการที่เกี่ยวเนื่อง แต่กลไกในการตั้งงบประมาณไม่ได้อยู่ที่ กมธ.วิสามัญ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มี เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับฟังอยู่ ตนมั่นใจว่าจะมีวิธีการดำเนินการให้แล้วเสร็จต่อไป
ภายหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายของ สส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านแล้ว ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติเห็นด้วยกับการแก้ไขของคณะ กมธ. วิสามัญ เสียงข้างมาก ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 251 เสียง ไม่เห็นด้วย 135 เสียง งดออกเสียง 44 เสียง และไม่ลงคะแนน 4 เสียง
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง