นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 มาตรา 14 งบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ ระยะที่ 3 ของโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติฯ ว่า มีการตั้งงบประมาณบานปลายอย่างไม่สมเหตุสมผลและขัดต่อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัติสมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ก่อสร้างด้วยวงเงินเริ่มต้น 2,456 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2557-2560 โดยกำหนดพื้นที่ก่อสร้างเดิมที่หอประชุมกองทัพบก เขตดุสิต ประมาณ 19 ไร่ อย่างไรก็ตาม โครงการนี้กลับไม่แล้วเสร็จตามกำหนด แต่กลับมีการย้ายพื้นที่ก่อสร้างไปยังเขตวังทองหลาง บนที่ดินขนาด 79 ไร่ 2 งาน 60.9 ตารางวา นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.61 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังมีมติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของโครงการเป็น 6,284 ล้านบาท พร้อมขยายระยะเวลาไปจนถึงปี 2566 และยังคงขยายออกไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด
นายวิโรจน์ ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนี้จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ 9 ดังนั้น การพิจารณางบประมาณจึงควรยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเคร่งครัด ทั้งในด้านความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี แต่เมื่อพิจารณาตัวเลขงบประมาณที่บานปลายต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับโครงการนี้ โดยงบประมาณปี 2569 สำนักปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แจ้งวงเงินที่ต้องใช้ในโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ระยะที่ 3 ของพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าฯ เป็นจำนวนเงินสูงถึงกว่า 401 ล้านบาท โดยครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ หรือ 48,000 ตารางเมตร และเมื่อแยกส่วนงบประมาณ พบว่า งบประมาณสำหรับงานปรับปรุงภูมิทัศน์เพียงอย่างเดียวสูงถึง 267 ล้านบาท ซึ่งหากนำมาหารเฉลี่ย ค่าปรับปรุงภูมิทัศน์จะอยู่ที่ 5,575 บาทต่อตารางเมตร ตนตั้งข้อสังเกตว่า ปกติแล้วงานปรับปรุงภูมิทัศน์หรือภูมิสถาปัตย์มักจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่านี้มาก เช่น โครงการสวนเบญจกิติใช้งบประมาณปรับภูมิทัศน์เพียง 2,000 บาทต่อตารางเมตร และงานปรับปรุงภูมิทัศน์ที่มีราคาแพงที่สุดก็ไม่เกิน 3,000 บาทต่อตารางเมตร
นายวิโรจน์ กล่าวย้ำว่า งบประมาณที่สมเหตุสมผลสำหรับงานปรับปรุงภูมิทัศน์ ซึ่งควรอยู่ที่ 144 ล้านบาท รวมกับงานระบบอีก 134 ล้านบาท ทำให้งบประมาณโดยรวมของโครงการนี้ที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 278 ล้านบาท ไม่ใช่ 401 ล้านบาท ตามที่สำนักปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมา ส่วนงบที่ขอตั้งในปี 2569 จำนวน 60.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นการก่อหนี้ผูกพันในปีแรก และจะมีการผลักภาระไปยังปีงบประมาณ 2570 อีก 341.4 ล้านบาท จึงไม่สมเหตุสมผลและขัดกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ ตนได้เสนอให้ กมธ.วิสามัญปรับลดงบประมาณในส่วนนี้ลง 18.5 ล้านบาท ให้เหลือเพียง 41.7 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กมธ.วิสามัญ กลับปรับลดงบประมาณเพียง 7.2 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น ตนขอเรียกร้องให้ที่ประชุมสภาฯ ปรับลดงบโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ระยะที่ 3 ของโครงการพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่าฯ เพิ่มอีก 11.3 ล้านบาท เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเพื่อให้โครงการนี้เป็นประโยชน์ของแผ่นดินอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของผู้รับเหมาเพียงไม่กี่ราย
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง