นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ประธานกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจาก นายดิเรก จอมทอง ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายทับสะแก เพื่อขอให้ตรวจสอบและผลักดันการพัฒนาที่ดินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในพื้นที่ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นายดิเรก กล่าวว่า เมื่อประมาณปี 2539 - 2540 กฟผ. ได้เข้ามาจัดซื้อที่ดินในพื้นที่ ประมาณ 4,000 - 4,142 ไร่ เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน ขนาด 2,100 - 4,000 เมกะวัตต์ แต่โครงการดังกล่าวมีกลุ่มคัดค้านอย่างกว้างขวางจนรัฐต้องยกเลิกโครงการนี้ไป ต่อมาภายหลัง กฟผ. ได้เข้าพัฒนาที่ดินบางส่วน ประมาณ 600 - 800 ไร่ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ พร้อมเปิดศูนย์การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านพลังงานแก่ชุมชน จากการติดตามข้อมูลและรายงานทางราชการ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันที่ชัดเจนว่า กฟผ. มีแผนการพัฒนาที่ดินอีกประมาณ 3,400 ไร่ จนกลายเป็นพื้นที่รกร้างและบางส่วนถูกใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมก่อให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ส่งผลเสียต่อชุมชนและภาพลักษณ์ของหน่วยงานรัฐ ชุมชนขาดโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ในพื้นที่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์และสอดคล้องกับนโยบายการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ ภาคีเครือข่ายทับสะแก จึงขอให้คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาดำเนินการ ตรวจสอบสถานะการครอบครองที่ดินของ กฟผ. ในพื้นที่ตำบลนาหูกวาง ว่าคงเหลือเท่าไร และปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าหรือสร้างความเสียหายด้านงบประมาณแผ่นดิน สูญเสียโอกาสการพัฒนาที่ดินที่ซื้อไว้อย่างไร ประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมผลักดันการพัฒนาที่ดินรกร้างให้สอดคล้องตามภารกิจของ กฟผ. หรือปรับปรุงเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ด้านนายพูนศักดิ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า หนังสือร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นเกี่ยวกับผลกระทบจากที่ดินที่ทาง กฟฝ. ได้ดำเนินการซื้อไว้ แต่ปัจจุบันไม่มีการพัฒนาโครงการเดิม ซึ่งคาดว่าเป็นการตั้งโรงไฟฟ้าจากถ่านหิน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ประท้วงจนปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า และหลายพื้นที่มีการนำขยะไปทิ้งทำให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่คณะกรรมาธิการฯ มีหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบโครงการต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดมลพิษทางด้านสิ่งแวดล้อมจึงจะดำเนินการตรวจสอบต่อเจ้าของพื้นที่ ในการปล่อยที่ดินให้กลายเป็นที่ทิ้งขยะโดยที่ไม่มีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ขณะเดียวกันเห็นว่าหากสามารถนำพื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้จะเป็นคุณูปการสำหรับประเทศ โครงการต่าง ๆ ที่ทางภาครัฐกำลังสนับสนุนและแก้ไขปัญหาการจัดการขยะของประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บริเวณนี้อาจเป็นพื้นที่หนึ่งที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็เป็นได้
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง