นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ให้สัมภาษณ์ภายหลังนัดหารือระหว่างวิปฝ่ายค้านและวิปฝ่ายรัฐบาลเกี่ยวกับการกำหนดวาระพิจารณาการกำหนดวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี หลังการหารือในช่วงเช้ายังไม่ได้ข้อสรุป ว่า ที่ประชุมยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้เนื่องจากมีความเห็นแตกต่างกัน โดยฝ่ายรัฐบาลชี้แจ้งว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้ว จึงอยู่ระหว่างกระบวนการรอพระบรมราชวินิจฉัยไม่อาจก้าวล่วงได้ จึงได้ส่งความเห็นทั้งสองฝ่ายให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาดำเนินการต่อไป และจะต้องมีมติภายในวันนี้ (3 ก.ย.68) เพื่อให้สามารถบรรจุในระเบียบวาระได้อย่างเร็วที่สุดคือ วันที่ 5 ก.ย. 68 ตามข้อบังคับ พร้อมยืนยันเป็นกระบวนการตามกฎหมายไม่ใช่ถ่วงเวลา จึงขอเวลาการพิจารณา พร้อมระบุว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีบนพื้นฐานของความสง่างามไม่เกิดข้อครหานินทาภายหลัง
อย่างไรก็ตาม นายภราดร ปริศนานันทกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ออกมาท้วงติงการ การทำหน้าที่ของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ในฐานะประธานในที่ประชุม ว่า การทำหน้าที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวส่อเข้าข้างพรรคสังกัดตนเอง หรือไม่ เพราะเมื่อเช้าพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ออกแถลงการณ์ชัดเจนว่ารวบรวมเสียงเพียงพอแล้ว พร้อมเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 5 ก.ย.นี้ แต่พรรคเพื่อไทยกลับยก 2 เหตุผลคัดค้าน คือ กรณีแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่อ้างวันประกาศ 29 ส.ค.68 ตรงกับวันวินิจฉัยคดีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร แต่ประกาศราชกิจจานุเบกษาวันที่ 30 ส.ค.68 จึงส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส่วนการยุบสภาที่ประกาศต่อสาธารณะก็ไม่เป็นการสมควร เพราะเป็นพระราชอำนาจ พร้อมเห็นว่า ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ต้องรอคำวินิจฉัยฝ่ายตุลาการ สามอำนาจต้องแยกกัน เมื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่างลงแล้ว สภาต้องเลือกโดยด่วน และหวังว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรจะบรรจุเป็นวาระเร่งด่วนให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้รอการตัดสินใจของประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าจะกำหนดวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันใด
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
