15 ก.ย.68- สว.นพ.วีระพันธ์ ย้ำรัฐบาลต้องแบนบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด หลังอัตราการสูบในกลุ่มวัยรุ่นพุ่งทะลุ 5.3 เท่าในรอบ 7 ปี และสูงกว่าทุกประเทศทั่วโลก ชี้อันตรายกว่าบุหรี่มวนเป็นสาเหตุของโรคปอดใหม่ถึงขั้นเสียหายอย่างรุนแรง วอนรัฐบาลเร่งปราบปรามการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ลดการเข้าถึงของเยาวชน

image

        นายแพทย์วีระพันธ์  สุวรรณนามัย รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข คนที่หนึ่ง วุฒิสภา กล่าวอภิปรายรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “สถานการณ์และปัญหาการบริโภคผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า” ว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” ถือเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยและเป็น “วิกฤตสุขภาพระดับชาติ” ที่มุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชนอย่างชัดเจน ที่ผ่านมาหลายคนเข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน แต่ความจริงแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายมากกว่าและเสพติดได้ง่ายกว่าบุหรี่มวนมาก ในบุหรี่ไฟฟ้ามีสารเคมีมากกว่า 2,000 ชนิด ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานรัฐใดสามารถตรวจสารเคมีเหล่านี้ได้ทั้งหมด และที่น่ากังวลคือสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ามีฤทธิ์เสพติดสูงกว่าแอลกอฮอล์ โคเคน และกัญชา

        นายแพทย์วีระพันธ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในไทยยังน่าเป็นห่วง โดยการศึกษาของคณะ กมธ. พบว่า ในปี 2558 มีเด็กอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าร้อยละ 3.3 แต่ในปี 2565 ตัวเลขนี้พุ่งขึ้นเป็น ร้อยละ 17.6 กล่าวคือ ในเด็กวัยรุ่น 5 คน จะมี 1 คนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า การเพิ่มขึ้นนี้สูงถึง 5.3 เท่าใน 7 ปี และน่าประหลาดใจที่ประเทศไทยมีอัตราการเพิ่มขึ้นที่สูงกว่าหลายประเทศทั่วโลก แม้จะมีมาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้าโดยรวม (Total Band) อยู่ก็ตาม

        รองประธาน กมธ.การสาธารณสุข คนที่หนึ่ง วุฒิสภา กล่าวด้วยว่า บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า ดำเนินกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเป้าเด็กและเยาวชน บุหรี่ไฟฟ้ามีการพัฒนาจาก Generation แรกที่คล้ายบุหรี่มวน มาจนถึง Generation ที่ 5 ที่เป็น “Toy Pod” หรือบุหรี่ไฟฟ้าที่มีลักษณะคล้ายของเล่น มีสีสันสดใส กลิ่นและรสชาติน่าดึงดูดใจ ปัจจุบันมีกลิ่นบุหรี่ไฟฟ้ามากถึง 70,000 กลิ่น การออกแบบและกลยุทธ์การตลาดเหล่านี้ทำให้เยาวชนเข้าใจผิดว่าปลอดภัย เข้าถึงได้ง่ายผ่านโซเชียลมีเดีย ร้านค้าออนไลน์ หรือแม้แต่เพื่อนรุ่นพี่ในสถานศึกษา และยังมีการสร้างค่านิยมว่าเป็นการแสดงออกถึงความทันสมัย ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้ว บุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นสาเหตุของโรคใหม่ชื่อ EVALI (E-cigarette or Vaping Associated Lung Injury) ซึ่งพบครั้งแรกในปี 2562 และทำให้ปอดเสียหายอย่างรุนแรงจนต้องตัดปอดทิ้งหรือเปลี่ยนปอดใหม่ ในประเทศไทยพบผู้ป่วย EVALI แล้วที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นเด็กอายุ 10 กว่าขวบที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเกือบตลอดชีวิต

        นายแพทย์วีระพันธ์ ชี้ปัญหาการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าของไทย ว่า ปัจจุบันประเทศไทยขาดกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าโดยตรง แม้จะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องจาก 4 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย แต่กฎหมายดังกล่าวยังมีช่องโหว่ เช่น การอ้างว่าไม่มีนิโคตินในผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าไม่เป็นความจริง และการขาดบทบัญญัติเรื่องการครอบครองโดยตรง กลไกการป้องกัน ปราบปราม และควบคุมยังขาดประสิทธิภาพอย่างมาก โดยผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า 2 ใน 3 ซื้อมาจากแหล่งที่มีการโฆษณาและเสนอขายผ่านสื่อออนไลน์

        นายแพทย์วีระพันธ์ กล่าวถึงข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ว่า กมธ.การสาธารณสุข วุฒิสภา ยืนยันว่า ต้องคงมาตรการห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด (Total Band) เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากอันตราย โดยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านกฎหมาย รัฐบาลต้องกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็น “วาระแห่งชาติ” พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการหรือองค์กรระดับชาติเพื่อบูรณาการการทำงาน มีการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามและสกัดกั้นการนำเข้า การใช้เทคโนโลยี AI เพื่อปิดกั้นช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ควบคุมโฆษณา รีวิว และห้าม Influencer/Tiktoker ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเชิงส่งเสริม ส่วนด้านการศึกษา สถานศึกษาต้องสร้างความตระหนักรู้และค่านิยมที่ถูกต้องถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็กและเยาวชนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา เช่นเดียวกับด้านมาตรการทางสังคม ต้องสนับสนุนให้ครอบครัวเป็นพื้นที่ต้นแบบปลอดควันบุหรี่ ร่วมกับการสร้างเครือข่ายต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าในทุกระดับ โดยเฉพาะการสนับสนุนการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ซึ่งมีจำนวนนับล้านคน ขณะที่ด้านสุขภาพและการบำบัดรักษา ต้องเร่งจัดตั้งหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการบำบัดรักษาและให้คำปรึกษา รวมทั้งขยายบริการให้ครอบคลุมตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ (รพ.สต.) และประสานงานกับ อสม. ขณะเดียวกันต้องกำหนดมาตรการนำเด็กและเยาวชนที่เสพติดเข้าสู่การบำบัดรักษาอย่างเป็นระบบ โดย ไม่ควรใช้บุหรี่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไร้ควันเป็นเครื่องมือในการบำบัด

        นายแพทย์วีระพันธ์ กล่าวย้ำว่า หากมีพรรคการเมืองใด หรือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สมาชิกวุฒิสภา(สว.) หรือรัฐมนตรีคนใด มุ่งจะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งถูกกฎหมายได้ ส่วนตัวเห็นว่า คนกลุ่มดังกล่าวกำลังทำลายเยาวชน คนไทย และประเทศไทยชาติ โดยเฉพาะมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ที่สนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายอาจได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากบริษัทบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้น “วุฒิสภา” ต้องเป็นเสาหลักในการรักษาการบังคับใช้กฎหมายแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปเพื่ออนาคตของเยาวชนและประเทศชาติ

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ