24 ก.ย.68 - โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากอดีต สส.กทม. ขอสภาฯ แก้ปัญหาการแทรกแซงอำนาจอธิปไตย หลังพบรายงาน กมธ.สวนทางคำพิพาษาศาลแพ่ง ปมจดทะเบียนโฮปเวลล์

image

        นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับมอบหมายจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทน รับหนังสือจากนายสัญญา สถิรบุตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาหาแนวทางป้องกันและแก้ไขไม่ให้ขบวนการใด ๆ เข้าไปแทรกแซงบิดเบือนกลไกอำนาจหลักของประเทศ คือ อํานาจนิติบัญญัติ อํานาจบริหาร และอำนาจตุลาการที่ก่อให้เกิดความสับสนกระทบต่อความเชื่อถือและความเชื่อมั่นอย่างร้ายแรง เหตุเพราะการก้าวก่ายอำนาจซึ่งกันและกัน 
         โดย นายสัญญา กล่าวว่า สืบเนื่องจากตน ได้เขื่อนยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาเพื่อขอให้ฝ่ายนิติบัญญัติเข้ามาแก้ไขโดยเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ด้วยการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญซึ่งประกอบจากทุกพรรคการเมือง เข้ามาร่วมช่วยการศึกษาและพิจารณาร่างกฎหมายเพื่อแก้ ปัญหาดังกล่าว และตรวจสอบรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรว่าได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง หรือไม่ เนื่องจากบริษัทโฮปเวลล์ได้ทำหนังสือแจ้งว่าเป็นรายงานเท็จ เหตุเพราะมติ กมธ.ระบุในรายงานดังกล่าวว่า การจัดทะเบียนตั้งบริษัทฯ ที่กระทรวงพาณิชย์นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ภายหลังการตรวจสอบพบว่า มีคำพิพากษาของศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 ระบุอย่างชัดเจนว่า การจดทะเบียนจัดตั้งของบริษัทฯ นั้นเป็นไปโดยชอบด้วย ซึ่งสวนทางกับมติของ กมธ. ที่สภาฯ ส่งไปให้รัฐบาลดำเนินการต่อไปนั้น อาจจะเกิดความเสียหายในเรื่องของความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนเป็นอย่างมาก
          ด้าน โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จะนําเรื่องดังกล่าวเสนอไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร และส่งต่อไปยัง กมธ.และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจะช่วยให้การใช้อำนาจของทั้งสามฝ่ายเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมและมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ