24 ก.ย. 68 - ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบ วาระ 1 ร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานฯ จำนวน 2 ฉบับ หนุนแก้ไขเวลาทำงาน เพิ่มสิทธิการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา กำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน 

image

            การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 25 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2568 ที่มีนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง และนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง สลับกันทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมตามลำดับ โดยที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับในคราวเดียวกัน ซึ่งเสนอโดยนายจรัส คุ้มไข่น้ำ และนางสาววรรณวิภา ไม้สน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน กับคณะ สำหรับร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีสาระสำคัญ ได้แก่ การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2561 ประเด็นระยะเวลาทำงานของลูกจ้าง วันหยุดประจำสัปดาห์ของลูกจ้าง สิทธิลาพักผ่อนประจำปีของลูกจ้าง ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสตรี อาทิ การลาเนื่องจากมีประจำเดือน การลาเพื่อดูแลบุคคลในครอบครัวหรือผู้ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิด และการกำหนดให้นายจ้างมีสถานที่ที่เหมาะสมแก่การให้นมบุตร 

         การอภิปรายต่อร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ความสนใจร่วมอภิปรายจำนวนมาก อาทิ นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยถึงความคาดหวังต่อร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จะช่วยยกระดับแรงงานให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านการได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานสอดคล้องกับหลักสากล นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) มองว่าประเด็นการเพิ่มวันลาทั้งวันลาหยุดพักผ่อน ดูแลบุคคลในครอบครัว ดูแลบุตร และมีสถานที่ให้นมบุตร ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการสร้างสังคมระหว่างลูกจ้างและนายจ้างให้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สร้างสิ่งแวดล้อมด้านการทำงานที่ดี นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มองว่าร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จะเข้ามาแก้ปัญหาการทำงานเกินเวลา การขาดความมั่นคง และสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมของแรงงาน และนายสะถิระ เผือกประพันธ์ สส.ชลบุรี พรรคกล้าธรรม อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ และตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญที่จะมีขึ้นถึงกรณีการดูแลบุตรแรกเกิดโดยเฉพาะในช่วงอายุ 0-10 ปี ที่เสี่ยงป่วยด้วยโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ (RSV) จึงเห็นควรให้บิดาและมารดา สามารถมีสิทธิลาเพื่อดูแลบุตรที่ป่วยด้วยโรคดังกล่าวได้ด้วย รวมถึงย้ำให้คณะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความเห็นอย่างรอบด้านทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

         อย่างไรก็ตามภายหลังการอภิปรายอย่างกว้างขวางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติต่อร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับ โดยแยกลงมติในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ปรากฎผลดังนี้ ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนายจรัส คุ้มไข่น้ำ กับคณะ เป็นผู้เสนอ ด้วยเสียงเห็นด้วย 333 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทั้งนี้ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 31 คน และกำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน ส่วนร่างฯ ที่เสนอโดยนางสาววรรณวิภา ไม้สน กับคณะ ที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 329 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 4 เสียง ทั้งนี้ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 39 คน กำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน 

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ