23 ต.ค. 68 - ความสำเร็จครั้งสำคัญของรัฐสภาไทย สหภาพรัฐสภา (IPU) ให้การสนับสนุนร่างข้อมติที่ไทยเสนอเป็นวาระเร่งด่วน ในเวทีประชุมครั้งที่ 151 ที่สมาพันธรัฐสวิส  การดำเนินการของรัฐสภาเพื่อต่อต้านอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ และภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์

image

        คณะผู้แทนรัฐสภาไทยนำโดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 151 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (The 151st IPU Assembly and related meetings) เมื่อวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุม CICG นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งเป็นเป็นวันที่สามของการประชุม เป็นการรับฟังการกล่าวถ้อยแถลงในช่วงการอภิปรายทั่วไป (General Debate) ของหัวหน้าคณะผู้แทนที่มิได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาหรือประธานรัฐสภา ซึ่งได้รับการจัดสรรเวลาสำหรับกล่าวถ้อยแถลงประเทศละ 5 นาที ภายใต้หัวข้อ “Upholding humanitarian norms and supporting humanitarian action in times of crisis” ซึ่งเป็นหัวข้อหลักของการประชุมสมัชชาในครั้งนี้  ก่อนที่จะเข้าสู่วาระการพิจารณาเลือกข้อเสนอ หัวข้อเพื่อพิจารณาลงมติบรรจุเป็นระเบียบวาระเร่งด่วน (emergency items) โดยประเทศไทยได้นำเสนอระเบียบวาระเร่งด่วนร่วมกับประเทศต่าง ๆ ได้แก่ อาร์เจนติน่า โปแลนด์ ชิลี และสวีเดน ด้วยการสนับสนุนจากกลุ่ม Twelve Plus และกลุ่มประเทศละตินอเมริกา  

        สำหรับเวทีนำเสนอระเบียบวาระเร่งด่วนนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา มอบหมายให้ นายรังสิมันต์ โรม สส. พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทย ขึ้นเวทีนำเสนอร่างข้อมติในหัวข้อ “Parliamentary action against transnational organized crime, cybercrime and hybrid threats to democracy and human security” (การดำเนินการของรัฐสภาเพื่อต่อต้านอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ และภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์)  โดยประเทศไทยได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากนานาประเทศ เกินกว่า 2 ใน 3 ของคะแนนเสียงทั้งหมด ส่งผลให้ร่างข้อมติระเบียบวาระเร่งด่วนดังกล่าวได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุมให้เป็นระเบียบวาระเร่งด่วน รวมถึงได้รับคะแนนเสียงมากกว่าร่างข้อมติระเบียบวาระเร่งด่วนที่ได้มีการนำเสนอโดยประเทศแอฟริกาใต้ จึงนับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของรัฐสภาไทยในการนำประเด็นเกี่ยวกับการหลอกลวงทางออนไลน์ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเข้าสู่เวทีระดับโลก ทั้งนี้ หลังการโหวตผ่าน IPU จะตั้งคณะกรรมาธิการ 11 คนเพื่อยกร่างมตินี้อย่างเป็นทางการ โดยประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะ เพื่อเสนอร่างสมบูรณ์ในวันสุดท้ายของการประชุม ก่อนส่งต่อให้รัฐสภาและองค์กรทั่วโลกนำไปปฏิบัติจริง

        ประธานรัฐสภา ยังเผยว่าไทยได้รับแรงสนับสนุนจากหลายประเทศตั้งแต่การหารือนอกรอบของกลุ่มอาเซียนบวกสาม (ASEAN+3) ซึ่งมีกัมพูชาและจีนเข้าร่วม โดยกัมพูชาเคยแสดงท่าทีสนับสนุนและเสนอจะร่วมร่างด้วย แต่เมื่อถึงวันโหวตกลับไม่เข้าร่วมประชุมและไม่ร่วมลงคะแนน ส่วนตัวมองว่าอาจไม่ต้องการให้ญัตตินี้ผ่าน เพราะรู้ว่าหากผ่าน กัมพูชาจะถูกเพ่งเล็งจากทั่วโลก เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าเป็นฐานปฏิบัติการของขบวนการสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์

        ด้าน นายรังสิมันต์ หนึ่งในคณะผู้แทนรัฐสภาไทย กล่าวขอบคุณประเทศพันธมิตร โดยเฉพาะ ออสเตรเลียและโปแลนด์ ที่ช่วยเชื่อมประสานกับกลุ่มยุโรปและละตินอเมริกา เพื่อให้ร่างข้อมติของไทยได้รับการสนับสนุนมากขึ้น พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมว่า เดิมร่างของไทยมุ่งเน้นเรื่องศูนย์สแกมเมอร์และอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน แต่เมื่อได้หารือกับกลุ่มประเทศอื่น พบว่าหลายภูมิภาคต้องการผลักดันประเด็นอาชญากรรมองค์กรและยาเสพติดร่วมด้วย จึงรวมเป็นร่างเดียวกัน เพื่อสร้างฉันทามติระดับโลก การทำงานครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะเราต้องหลอมสามประเด็นจากสามทวีปให้เป็นมติเดียว แต่สุดท้ายทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกัน เพราะปัญหานี้เชื่อมโยงกันหมด อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตเช่นเดียวกับประธานรัฐสภาว่า น่าเสียดายที่กัมพูชาไม่ร่วมโหวต ทั้งที่ตอนแรกบอกว่าจะไม่คัดค้าน พร้อมย้ำว่า การปราบปรามสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน นายรังสิมันต์ ย้ำว่านี่คือความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของรัฐสภาไทย ที่ไม่เพียงสร้างภาพลักษณ์ใหม่บนเวทีโลก แต่ยังยืนอยู่ข้างความยุติธรรมเพื่อมนุษยชาติจริง ๆ

สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ  สผ. / ข่าวและภาพ

สำนักประชาสัมพันธ์ สผ. /ข้อมูล

ลักขณา เทียกทอง /เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ