นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย นายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ นายทินพล ศรีธเรศ และนายนิติพล ผิวเหมาะ รวมถึงคณะทำงานและเจ้าหน้าที่ เข้าพบปะหากับนายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว และข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต ได้แก่ นางสาววิภาวี รังสิมาภรณ์ อัครราชทูต และนางสาววรกาญจน์ ศิริรัตน์ ที่ปรึกษาประจำสถานเอกอัครราชทูตฯ ณ สถานเอกอัครราชทูต กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 6 - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองของญี่ปุ่นต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา จากสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน รวมถึงท่าทีการกล่าวหาไทยของกัมพูชาในการประชุมระหว่างประเทศในกรอบรัฐสภา ทั้งการประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ครั้งที่ 46 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนกันยายน 2568 นำโดยนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง และในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (IPU) สมัยที่ 151 ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นำโดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ ให้ความเห็นว่า การนำข้อเท็จจริงให้ปรากฏในถ้อยแถลงเพื่อนำเสนอความจริงต่อประชาคมโลกสำหรับประเด็นดังกล่าวในเวทีการประชุมระหว่างประเทศของผู้แทนรัฐสภาถือเป็นการเน้นย้ำจุดยืน และข้อเท็จจริง ซึ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของไทย
นอกจากนี้คณะฯ ยังได้หารือเกี่ยวกับประเด็นการมีอยู่ของช้างไทยในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และศรีลังกา ในเชิงของสภาพความเป็นอยู่ การดูแลช้างไทย รวมถึงการเก็บข้อมูลเชิงสถิติสำหรับช้างไทยในต่างแดน ซึ่งอัครราชทูตได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการดูแลช้างไทยเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี จะเห็นได้จากช้างไทยในสวนสัตว์ที่ญี่ปุ่นเป็นหมุดหมายยอดนิยมของผู้เข้าชมสวนสัตว์ ส่วนประเด็นด้านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาป โดยญี่ปุ่นมีการลงทุนอุตสาหกรรมนี้ในไทยมาอย่างยาวนาน และด้านการตรวจคนเข้าเมืองระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ ให้ข้อมูลว่าภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจากพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี (Liberal Democratic Party - LDP) จะยังคงนโยบายที่เป็นมิตรต่อประเทศอาเซียน เห็นได้จากการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนหลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่นาน
สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสนง.สผ. ข้อมูล/ภาพ