นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (12 พ.ย. 68) ที่ประชุมลงมติ มาตรา 256/1 เกี่ยวข้องกับกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีบางส่วนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อจุดยืนของพรรคประชาชน จึงขอชี้แจงว่า การที่พรรคประชาชนลงมติไม่เห็นชอบตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) นั้น ไม่ได้หมายความว่าพรรคประชาชนไม่ต้องการให้มี สสร. แต่เป็นเพราะร่างของพรรคเพื่อไทยมีข้อเสนอให้ตั้ง สสร.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
นายพริษฐ์ กล่าวว่า สัดส่วนกรรมาธิการของพรรคประชาชนทั้งหมด 8 คน ลงมติสนับสนุนร่างหลักของพรรคประชาชนทุกประการ โดยร่างดังกล่าวออกแบบให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่าประชาชนไม่สามารถเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง พรรคจึงเสนอ 2 กลไกสำคัญ ได้แก่ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการคัดเลือกของรัฐสภา ซึ่งประชาชนได้เลือก สส. และ สว. แล้วให้ทั้งสองสภาคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็น กมธ.ยกร่างฯ และสภาที่ปรึกษา กมธ.ยกร่างฯ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ทำหน้าที่รับฟังความคิดเห็น ไม่ได้มีอำนาจลงมติในเนื้อหารัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยไม่ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม กมธ.สัดส่วนพรรคประชาชน 8 คน ที่เห็นด้วยให้คงสภาที่ปรึกษา กมธ.ยกร่างฯ มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ขณะที่เสียงข้างมาก เห็นควรให้ตัดกลไกนี้ออกไป อ้างเหตุผลว่าอาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
นายพริษฐ์ ระบุว่า พรรคประชาชนยังคงยืนยันตามมติเดิมทุกประการ โดยเห็นว่าไม่ควรเพิ่ม สสร. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะจะยิ่งเพิ่มระยะห่างระหว่างประชาชนกับผู้ร่างรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังอาจเสี่ยงต่อการผูกขาดอำนาจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พร้อมย้ำว่า การที่ กมธ.เสียงข้างมาก ลงมติไม่เพิ่ม สสร. ในรูปแบบดังกล่าว ไม่ใช่การปัดตกแนวคิดเรื่อง สสร. แต่เป็นการปฏิเสธรูปแบบที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชน
สำหรับการพิจารณาในมาตรา 256/5 ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ถือเป็นอีกประเด็นสำคัญ เนื่องจากจะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก กมธ.ยกร่างฯ โดยพรรคประชาชนเสนอสูตร “20 หยิบ 1” คือ สมาชิกรัฐสภา (สส. และ สว.) 700 คน รวมกลุ่ม 20 คน เลือก กมธ.ยกร่างฯ ได้ 1 คน ถือว่าเป็นการคละกลุ่มคนให้เท่าเทียม เพื่อป้องกันการผูกขาดโดยเสียงข้างมาก ขณะที่ร่างเดิมของพรรคภูมิใจไทยเสนอให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก ซึ่งพรรคประชาชนมองว่าอาจนำไปสู่การครอบงำในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญได้
นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญว่า มีความจำเป็นต้องดำเนินการ หากต้องการให้การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพราะหากไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามกรอบเวลา พรรคประชาชนจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามเงื่อนไขที่เคยประกาศไว้
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง