นายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.จังหวัดลำพูน พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรรมาธิการเพื่อประชาชน ออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา ถึงบทบาทการทำงานทั้งในเชิงรุกและเชิงรับของคณะกรรมาธิการฯ ว่า ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกีฬามาให้ข้อมูลและสอบถามทิศทางการใช้จ่ายงบประมาณที่ขอรับจากรัฐบาลผ่านการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำหรับการเตรียมเป็นเจ้าภาพและส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ที่กำลังจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม นี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชลบุรี และสงขลา ภาพรวมความพร้อมของนักกีฬาถือว่าน่าพอใจ มีความพร้อมเกิน 80% แล้ว โดยคาดหวังว่าประเทศไทยจะเป็น "เจ้าเหรียญทอง" ในซีเกมส์ครั้งนี้
นายวิทวิสิทธิ์ ยอมรับว่า ยังมีปัญหาเรื่องของการจ่ายเบี้ยซ้อมและเงินรางวัลที่ตกค้าง โดยนายปริญญา ฤกษ์หร่าย ประธานกรรมาธิการฯ ได้ขอมติในการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับฟังปัญหา โดยพบปัญหาหลัก คือ การเบิกจ่ายล่าช้า โดย กกท. แจ้งว่าความล่าช้าเกิดจากสมาคมกีฬาส่งเอกสารไม่ครบถ้วน, ช่วงคาบเกี่ยวของงบประมาณ ปัญหาการขาดสภาพคล่องในการจัดสรรงบประมาณช่วงรอยต่อหลังวันที่ 30 กันยายน ทำให้สมาคมขนาดใหญ่ที่มีนายกสมาคมมีเงินทุนต้องสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อน แต่ล่าสุดมีการเคลียร์เบี้ยซ้อมได้จนถึงเดือนกันยายนแล้ว และปัญหาการหักเบี้ยเลี้ยง มีประเด็นการร้องเรียน เช่น แบดมินตัน เปตอง ซึ่งมีการหักเบี้ยเลี้ยงบางส่วน โดยบางสมาคมต้องขอแบ่งค่าเบี้ยซ้อมเพื่อนำไปจ่ายให้กับนักกีฬาที่มาเป็นคู่ซ้อม ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินชี้ขาด แต่พยายามเป็นตัวประสานให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งนักกีฬา สมาคม และ กกท. เข้ามาพบปะพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปและหลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขัน จะติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณค่าเหรียญรางวัลต่อไปด้วย
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อผลักดันกีฬามวยไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ "ไทเกอร์ ยิม" ซึ่งเป็นยิมที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีการฝึกซ้อมกีฬาหลายประเภท รวมถึงมวยไทย, MMA และ UFC โดยสิ่งที่ค้นพบคือการสร้างรายได้ให้กับผู้ฝึกสอนที่อดีตเป็นแชมป์มวยไทย (ลุมพินี/ราชดำเนิน) ซึ่งต้องปรับตัวด้วยการไปเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างชาติ เพื่อทำหน้าที่สอนนักกีฬาและนักท่องเที่ยว บางคนมีรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน โดยค่าฝึกสอนสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปอาจอยู่ที่หลายพันบาทต่อชั่วโมง และมีคอร์สพิเศษสำหรับนักกีฬาที่ต้องการชิงแชมป์โลก
นายวิทวิสิทธิ์ เน้นย้ำว่า นักมวยไม่ควรถูกมองว่าเป็น "หมาล่าเนื้อ" แต่เป็นบุคลากรสำคัญที่สามารถถ่ายทอดศิลปะมวยไทยและสร้างรายได้ให้ประเทศได้ หากเพิ่มทักษะด้านภาษา นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ยกตัวอย่างการไปศึกษาดูงานที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเมืองใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์และลิเวอร์พูล ที่รายได้หลักได้เปลี่ยนจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มาเป็นธุรกิจกีฬา เนื่องจากมีสโมสรที่มีแฟนบอลทั่วโลกเดินทางเข้าสู่เมือง แสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวและกีฬาสามารถไปด้วยกันได้
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
แฟ้มภาพ