โดย
นางสาวศนิวาร บัวบาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ... ฉบับของรัฐบาลแล้ว โดยเตรียมส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา และส่งมายังรัฐสภา ว่า นับเป็นเวลากว่า 2 ปี ที่พรรคประชาชนยื่น ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฯ เข้าสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นพรรคก้าวไกล และรอนายกรัฐมนตรี รับรอง เนื่องจากถูกจัดว่าเป็นร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน โดยยังค้างอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีจนถึงปัจจุบัน
นางสาวศนิวาร กล่าวถึงสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับ ครม. ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้มีคณะกรรมการ 4 คณะ คือ คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ คณะกรรมการกองทุนภูมิอากาศ คณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน และคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก แต่ตนมีข้อสังเกตว่า กรรมการทั้ง 4 คณะฯ มีองค์ประกอบหลักเป็นหน่วยงานภาครัฐ ต่างจากร่างกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับพรรคประชาชน ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยกำหนดให้ทั้ง คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและแผนการดำเนินงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ และ คณะกรรมการกองทุนการเปลี่ยนผ่านสีเขียว การปรับตัวรับมือภัยพิบัติ ประกอบด้วย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคประชาสังคมด้วย
นางสาวศนิวาร กล่าวด้วยว่า ร่างกฎหมายของพรรคประชาชน ได้กำหนดให้มี “กองทุนการเปลี่ยนผ่านสีเขียว การปรับตัวและรับมือภัยพิบัติ” ซึ่งจะเป็นกลไกทางการเงินในการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมแบบคาร์บอนต่ำ และเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเป็นการสนับสนุนให้มีกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด โดยเฉพาะชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้งยังชดเชยผู้เสียหายหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว โดยเน้นไปที่กลุ่มเปราะบางต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามหลักการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (Just Transition) เพื่อสิทธิมนุษยชนในการมีสภาพภูมิอากาศที่ดี และความเป็นธรรมทางภูมิอากาศและสังคม
นางสาวศนิวาร กล่าวย้ำว่า ตนหวังว่าร่างกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ของพรรคประชาชน จะ ได้ร่วมเข้าสู่กระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายของรัฐสภา ได้ทันภายในอายุของรัฐบาลชุดนี้ อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้น เพื่อให้ประเทศไทยไม่เสียโอกาสกับการขับเคลื่อนมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง
