นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) พร้อมด้วย อดีต สส.สุพรรณบุรี ทุกเขตของพรรค ชทพ. ได้แก่ นายสรชัด สุจิตต์ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นายนพดล มาตรศรี นายเสมอกัน เที่ยงธรรม และนายประภัตร โพธสุธน รวมทั้งอดีตแกนนำพรรค ชทพ. ได้แก่ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมใจกันนำพวงดอกไม้มาไหว้อนุสาวรีย์นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 เอาฤกษ์เอาชัยในการลงสนามเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงนี้ หลังจากที่ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว และจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยพร้อมกันในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคมนี้ เวลา 12.00 น. ในโอกาสนี้ นายอุดม โปร่งฟ้า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี นายอรรถพล สุวรรณศร ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ที่ทำงานร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนามายาวนาน ก็ได้มาร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย
นายประภัตร ได้นำ อดีต สส. กล่าวต่ออนุสาวรีย์นายบรรหารว่า ตนเป็นผู้แทนสุพรรณบุรีและมีความผูกพันกับนายบรรหารมากว่า 50 ปี สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาทุกคนยังคงเคารพรัก และยึดมั่นในเจตนารมณ์เสมอ พร้อมขอขมาต่อสิ่งที่อาจล่วงเกินและขออโหสิกรรม พร้อมกันนี้ ได้กล่าวถึงการขอหยุดพรรคชาติไทยพัฒนาชั่วคราว เพื่อไปทำหน้าที่ในพรรครัฐบาล โดยย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ด้วยความตั้งใจช่วยเหลือชาวสุพรรณบุรี ยืนยันว่าเป็นการลาไปชั่วคราว และจะกลับมาพัฒนาเมืองสุพรรณบุรีและพรรคชาติไทยพัฒนาต่อไปตามเจตนารมณ์ของนายบรรหาร
ด้านนายวราวุธ ให้สัมภาษณ์ว่า การทำงานในฐานะที่เป็นพรรคเล็กนับวันจะเรียกคะแนนนิยมในการเลือกตั้งแต่ละครั้งเป็นไปด้วยความลำบาก ตลอดระยะ 9 ปีกว่าที่ผ่านมา และการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ด้วยจำนวน สส. 10 คน ทำให้ทำงานได้อย่างจำกัดมาก ดังนั้น ทุกคนจึงตัดสินใจที่จะไปฝึกทักษะในสมรภูมิการเมือง สร้างความเข้มแข็งเพื่อที่จะสามารถทำงานให้คนสุพรรณบุรีและคนไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง สมัยนายบรรหารมีอายุ 18 ปี ยังต้องจาก จ.สุพรรณบุรี ไปเพื่อที่จะฝ่าฝันไปเติบใหญ่ใน กทม. ในวันนั้นหากนายบรรหารไม่จากสุพรรณบุรีไปก็คงไม่มีอดีตนายกฯ ที่ชื่อนายบรรหาร ศิลปอาชา
นายวราวุธ กล่าวว่า ในวันนี้จึงมาขออนุญาตในการที่จะเดินทางบนอีกเส้นหนึ่ง แต่เป็นการสานต่อความฝันของนายบรรหารที่อยากจะเห็นสุพรรณบุรีรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มีความสามัคคี และทำให้คุณภาพชีวิตคนสุพรรณบุรีดีขึ้น และที่สำคัญสามารถทำงานให้กับคนไทยทั้ง 64 ล้านคนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง