นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติร่างกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และการคุมขังฉุกเฉิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณามาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และการคุมขังฉุกเฉิน และกำหนดกลไก หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณามาตรการเฝ้าระวังต่าง ๆ ก่อนปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง ดังนี้ 1.ขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายสำหรับนักโทษเด็ดขาด ซึ่งศาลมีคำพิพากษาว่า เป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ ความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อร่างกาย และความผิดต่อเสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา ประกอบด้วย ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ เช่น การข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15ปี การพาบุคคล อายุ 15-18 ปี เพื่อการอนาจาร การพาผู้อื่น ไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ / ผู้กระทำความผิดต่อชีวิต เช่น การฆ่าผู้อื่น การฆ่าผู้อื่นโดยเหตุฉกรรจ์ / ผู้กระทำความผิดต่อร่างกาย เช่น การทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัส การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสโดยเหตุฉกรรจ์ / ผู้กระทำผิดต่อเสรีภาพ เช่น การนำตัวบุคคลไปเรียกค่าไถ่ 2.กำหนดให้มีคณะกรรมการประจำเรือนจำในแต่ละเรือนจำ ทั้งผู้บัญชาการเรือนจำเป็นประธานกรรมการ และเจ้าพนักงานเรือนจำ ไม่น้อยกว่า 5 คน เป็นกรรมการ มีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณากลั่นกรองข้อมูลการจัดทำรายงานการจำแนกลักษณะของนักโทษเด็ดขาด และให้ความเห็นว่านักโทษเด็ดขาดสมควรใช้มาตรการเฝ้าระวังใด รวมทั้งเสนอวิธีการและระยะเวลาในการใช้มาตรการที่เหมาะสม 3.การพิจารณากำหนดมาตรการเฝ้าระวัง กรมราชทัณฑ์ดำเนินการภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี ก่อนปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดแต่ละราย ให้เจ้าพนักงานเรือนจำรวบรวมข้อมูลสำหรับการจัดทำรายงานการจำแนกลักษณะของนักโทษเด็ดขาด และให้เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการประจำเรือนจำ ก่อนเสนอให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำพิจารณา และ 4.การดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังของพนักงานคุมประพฤติ กรณีที่เชื่อได้ว่าผู้นั้นจะไปกระทำความผิดและไม่มีมาตรการอื่นที่อาจป้องกันไม่ให้ผู้นั้นไปกระทำความผิดได้ ทั้งนี้ให้พนักงานคุมประพฤติเสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการภายใน 15 วัน เพื่อพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งใช้มาตรการคุมขังผู้ถูกเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ โดยหากผู้ถูกเฝ้าระวังจะไปกระทำความผิดซ้ำ และเป็นเหตุฉุกเฉิน ให้พนักงานคุมประพฤติเสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการ เพื่อพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลในท้องที่ ให้ศาลมีคำสั่งให้คุมขังฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการออกกฎหมายให้สอดคล้องกับกรณีที่พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 จะมีผลบังคับใช้วันที่ 23 มกราคม 2566
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง
เพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ข้อมูล/ภาพ