13 พ.ย.66 - รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลยืนยันไม่เคยคัดค้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่รัฐบาลต้องชี้แจงที่มาของงบประมาณให้ชัดเจน ชี้การออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท อาจขัดมาตรา 53 แห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังฯ ย้ำปี 66 เศรษฐกิจไทยโต 2.8 ยังไม่ถึงเวลาต้องแจกเงินกระตุ้น

        นางสาวศิริกัญญา  ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาตนเองเคยเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว แต่ปัจจุบันโครงการนี้มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดไปมาก จากเดิมที่จะใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ก็กลายเป็นการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน และจากที่เคยให้ประชาชนแบบถ้วนหน้า ก็กลายเป็นการจำกัดผู้มีรายได้สูง ทั้งนี้ยอมรับว่าในอดีตตนเคยเห็นด้วยกับโครงการนี้ เมื่อครั้งที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยเคยจะร่วมรัฐบาลกัน ก็ได้มีการนำโครงการของแต่ละพรรคมาพูดคุยกัน ซึ่งพรรคเพื่อไทย ก็ได้นำเสนอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในที่ประชุม โดยมีการกางตัวเลขวงเงินงบประมาณรายจ่าย ปี 2567 ปรากฏว่า เงินไม่พอสำหรับการทำโครงการนี้ และหากจัดสรรงบประมาณไปทำนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองแล้ว จะเหลือวงเงินเพียง 4-5 แสนล้านบาทเท่านั้น กล่าวคือ พรรคเพื่อไทย ไม่สามารถนำเงินงบประมาณปี 2567 ทั้งหมดไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ทั้งหมด ดังนั้น ขอให้อย่าเบี่ยงประเด็นนี้ไปในทิศทางอื่น และตนตั้งข้อสังเกตว่า การที่รัฐบาลจะออก พ.ร.บ.เงินกู้กว่า 5 แสนล้านบาท อาจขัดมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ประกอบมาตรา 140 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และเหตุใดรัฐบาลจึงต้องการเดินหน้าทำต่อ ย้ำว่าตนไม่ได้ออกมาคัดค้านโครงการนี้ แต่ต้องการสอบถามแหล่งที่มาของงบประมาณที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น และการดำเนินโครงการดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะรายงานการประชุมและมติของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่พิจารณาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งมีตัวแทนของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้าร่วมประชุม เชื่อว่าต้องมีการท้วงติงในเรื่องนี้

        นางสาวศิริกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า การออก พ.ร.บ.เงินกู้ นั้น รัฐบาลสามารถทำได้ แต่ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบด้วย เพราะถ้าการดำเนินการดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย ตนเชื่อว่าก็จะไม่มีช่องทางให้ถูกร้องเรียนและไม่ถูกตีตกในภายหลัง แต่ถ้าไม่ผ่านกระบวนการยืนยันความถูกต้อง สุดท้ายรัฐบาลก็อาจต้องกลับคำพูดภายหลัง ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมมั่นของประชาชน แต่หากสุดท้ายแล้ว พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท สามารถผ่านกระบวนการของสภาฯ ไปได้ทั้ง 3 วาระ และสามารถดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้จริง ก็ต้องยอมรับและเคารพมติของสภาฯ หลังจากนั้น ก็ต้องติดตามว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ต่อเนื่องกัน ซึ่งจะต้องติดตามว่ารัฐบาลได้วางแผนใช้คืนหนี้จากวงเงินกู้ 5 แสนล้านบาทคืนอย่างไรภายใน 4 ปี และต้องจ่ายเงินต้นปีแรก 1 แสนล้านบาท และจ่ายดอกเบี้ย คืนอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลต้องนำรายได้จากการจัดเก็บภาษีถึงร้อยละ 20 มาจ่ายหนี้จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นปัญหาที่จะต้องพิจารณาการจัดสรรงบประมาณ และคาดว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะอาจจะต้องปรับลดงบประมาณในโครงการอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่า ณ เวลานี้ ปี 66 เศรษฐกิจไทย มีอัตราเติบโต อยู่ที่ร้อยละ 2.8 และปี 67 คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 3.5 จึงไม่ใช่เวลาของการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการแจกเงินแบบนี้อย่างแน่นอน

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ