23 พ.ค. 67 - กมธ.ความมั่นคงฯ สผ. เชิญหน่วยงานหาทางออกปมธุรกิจสีเทาในพื้นที่ชายแดน จี้รัฐดำเนินการจริงจัง หวั่นคนไทยตกเป็นเหยื่อ พร้อมเข้าหารือ สมช. 31 พ.ค. นี้

image

          นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อติดตามเรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งพบปัญหาว่า ไทยกำลังจะเป็นแบตเตอรี่ให้กับธุรกิจสีเทา เนื่องจากมีเสาไฟฟ้าที่ส่งสัญญาณไปฝั่งตรงข้ามบริษัทที่รับสัมปทาน ที่อาจเกี่ยวข้องในทางตรงหรือทางอ้อมกับธุรกิจสีเทา ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ เป็นห่วงเรื่องนี้ และได้รับข้อมูลมาว่าอาจมีการเซ็นสัญญาในส่วนโครงข่ายที่ได้ตัดไปแล้ว ที่อยู่ตรงกันข้ามชเวโก๊กโก่ ประเทศเมียนมา ซึ่งกำลังพิจารณากัน โดยจะต้องพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่าจะอนุมัติโครงการดังกล่าวจริงหรือไม่ โดยปัจจุบันชเวโก๊กโก่ ต้องพึ่งพาน้ำมันเพื่อใช้ในการปั่นไฟอยู่ตลอด และจากที่ทราบข้อมูลพบว่าการขายคอนโดมิเนียมจะโฆษณาว่าไฟฟ้าติด 4-5 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าไฟฟ้าไม่ได้ติดตลอด แต่หากไทยส่งไฟฟ้าไป ธุรกิจพวกนั้นจะสามารถดำเนินการได้ตลอดเวลา รวมถึงมีเสาสัญญาณฝั่งเมียวดี 60 เสา ซึ่งบางเสาทำงานอยู่ จึงต้องดูว่าจะรื้อหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คณะกรรมาธิการฯ ต้องเชิญคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) บริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน และอยากให้รัฐบาลพิจารณาให้ดีว่าหากให้สัมปทานไฟฟ้าต่อไป จะสร้างปัญหาให้คนไทยถูกหลอกลวงตามมา

          นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า จะต้องพูดคุยกับรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างแน่นอน โดยในวันที่ 31 พฤษภาคม นี้ จะไป สมช. เพราะมีหน้าที่ดูแลภาพรวม และกำลังวางแผนไปกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลทราบและเคยพูดคุยกันในที่ประชุมอภิปรายทั่วไป โดยทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับปากว่าให้เป็นวาระสำคัญ แต่จนถึงวันนี้ยังมีความคืบหน้าน้อยมาก

          ส่วนสถิติการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมาไม่น่าพอใจ ทำให้ปัญหานี้ยังไม่หายไปใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า บางส่วนน่าพอใจ อย่างการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ตำบลจันดี อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งแม้จะจับตัวการใหญ่ไม่ได้ แต่หลังจากที่คณะกรรมาธิการฯ สอบถามไปยังรองนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดการให้สัญญาว่าจะดำเนินการจับกุม ซึ่งพอจะมีผลงานให้เห็นอยู่บ้าง แต่ในต่างประเทศยังไม่เห็นความคืบหน้าเท่าใดนัก นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าการที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางโดยเครื่องบินไปยังอำเภอแม่สอด ทั้งที่ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้คิดได้ว่านักท่องเที่ยวจีนเหล่านี้ใช้อำเภอแม่สอดเป็นทางผ่านไปยังเมียวดี ประเทศเมียนมา เท่านั้น ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างจริงจังกับเรื่องนี้ หากปล่อยเอาไว้จะไม่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากดูจากแนวโน้มเท่าที่ไปสำรวจพบว่าเมืองเหล่านี้ยังคงเติบโตต่อไป

 

ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ