โดย
นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ หรือ ครม.แพทองธาร 2 เป็นอย่างไร ว่าต้องให้สังคมเป็นผู้ช่วยตอบดีกว่าตนเองซึ่งอยู่ในแวดวงการเมือง และอาจจะอยู่ในผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนั้นให้สังคมเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ แต่ส่วนตนแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ฟากฝั่งรัฐบาลแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้กับ ครม.ชุดใหม่ ทั้งนี้ในฐานะที่ตนทำหน้าที่ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ หากสิ่งใดที่รัฐบาลทำแล้วไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ หรือทำให้ประเทศเสียหายตนจะตรวจสอบอย่างเข้มแข็งและเต็มที่ ส่วนกรณีที่บางกระทรวงมีบุตรหลานรัฐมนตรีจากชุดเดิมเข้ามานั่งเก้าอี้นั้น ประเด็นนี้ขอให้สังคมเป็นผู้พิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน แต่อย่างไรก็ดีต้องลองให้รัฐมนตรีคนดังกล่าวได้ลองทำหน้าที่ดูเสียก่อน ไม่ควรไปตัดสินใครตั้งแต่เริ่มต้น เชื่อว่าผานไป 2-3 เดือน จะสามารถตอบได้แล้วว่ารัฐมนตรีคนดังกล่าวทำหน้าที่ให้ประเทศได้ดีพอหรือไม่ และที่สำคัญต้องรอดูว่าจะมีโอกาสทำงานได้ถึง 2-3 เดือนหรือไม่
ต่อข้อถามถึงกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอีกหนึ่งตำแหน่งด้วยนั้น มองกรณีนี้อย่างไร นายภราดร ระบุว่า อาจมีเหตุผลเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา ที่ขอให้พิจารณาประเด็นคลิปเสียงของนายกฯ กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา วันนี้ (1 ก.ค. 68) ทั้งนี้มองว่าเป็นอำนาจของนายกฯ ที่สามารถตั้งใครก็ได้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อแต่งตั้งใครมาแล้ว หรือแม้กระทั่งตนเอง สังคมจะเป็นผู้ตอบคำถามเองว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีพอหรือไม่ ส่วนการปรับครม.ครั้งนี้ ไม่มีรายชื่อสมาชิก ภท. อยู่เลยมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพรรคถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลก่อนที่จะมีการปรับครม.
ต่อข้อถามถึงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ซึ่งโควต้าเป็นของพรรคเพื่อไทย (พท.) ใครเหมาะสจะมาดำรงตำแหน่ง นายภราดร กล่าวว่า พรุ่งนี้ (1ก.ค. 68) วิปรัฐบาลจะต้องพูดคุยกัน ว่าจะให้ใครที่มีความเหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ต่อ แต่โดยหลักการต้องเป็นเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว ควรต้องเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมและมีคุณภาพ เมื่อเข้ามาทำหน้าที่แล้วย่อมรู้ว่าต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นผู้มอบหมายให้ดูแลในส่วนต่าง ๆ ต่อไป
นอกจากนี้ ยังตอบข้อถามเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ว่าจำเป็นต้องใช้เสียงสนับสนุนการยื่นญัตติดังกล่าวอย่างน้อย 99 เสียง แต่ขณะนี้ ภท. มีอยู่ 69 เสียง พปชร. 19 เสียง ซึ่งยังไม่เพียงพอ อาจจะต้องพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านรวมถึงพรรคประชาชน เพื่อแสดงเหตุผลของ ภท. ว่าเหตุใดต้องยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางคน โดยเตรียมจะพูดคุยประเด็นนี้ในการประชุมวิปฝ่ายค้านวันพรุ่งนี้ (2 ก.ค. 68) เวลา 09.30 น. หากมีเสียงสนับสนุนเพียงพอและสามารถยื่นญัตติดังกล่าวได้ ขั้นตอนต่อไปจะต้องนำข้อมูลในแต่ละพรรคมากองรวมกันและจัดสรรผู้อภิปรายต่อไป
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง
