พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง พร้อมด้วยนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมแถลงผลการติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า แม้จะมีการตกลงหยุดยิงในเวลา 24.00 น. เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่หลังจากเลยเวลากำหนดหยุดยิงไปแล้ว ปรากฏว่าทางฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่จงใจละเมิดข้อตกลงและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน การกระทำของฝ่ายกัมพูชาดังกล่าวทำให้ฝ่ายไทยมีความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการโต้กลับภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยฝ่ายไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่ใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและความปลอดภัยของประชาชน และที่น่าประณามยิ่งไปกว่านั้น ทางฝ่ายกัมพูชายังได้ใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีในการคุ้มครองทางวัฒนธรรมของสหประชาชาติและอนุสัญญาภายใต้ UNESCO ศูนย์เฉพาะกิจฯ จึงขอประณามการกระทำของทางฝ่ายกัมพูชาอย่างยิ่ง
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน กองกำลังไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด 11 พื้นที่ ได้แก่ ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมืองธม ปราสาทตาควาย แนวเขตแดนช่องบก โดนตวล สัตตะโสม ช่องจอม ช่องสายตะกู บ้านกรวด และพระวิหาร ส่วนผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ มีผู้อพยพทั้งสิ้น 188,729 คน มีพลเรือนเสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน บาดเจ็บปานกลาง 13 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมทั้งสิ้น 53 คน โดยปัจจุบันยังมีผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 14 ราย ทั้งนี้ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มมีการหารือในระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ เพื่อกำหนดกรอบแนวทางการปฏิบัติหลังจากการหยุดยิง ซึ่งประกอบด้วย 5 เรื่อง คือ การหยุดยิง การห้ามยิงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ การหยุดการเพิ่มเติมกำลังหรือการห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง และแนวทางการส่งกลับผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ตลอดจนผู้ถูกควบคุม พร้อมย้ำเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งในระยะเวลาที่ผ่านมามีการโจมตีทางไซเบอร์ในเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ มีการใช้ AI และข่าวปลอม จึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการติดตามและแชร์ข้อมูลข่าวสาร รวมถึงรายงานให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหากตรวจพบการละเมิดทางไซเบอร์
ด้าน รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการประชุมสมัยพิเศษที่มาเลเซียเมื่อวานนี้ (28 ก.ค.68) ฝ่ายไทยได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการรุกล้ำอธิปไตย การสูญเสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน ความเดือดร้อนของประชาชนตามแนวชายแดน เหตุการณ์ระเบิด และการคุกคามยั่วยุ ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยยังคงมีความพร้อมและจริงใจในการหาทางออกร่วมกัน โดยหวังว่าจะมีการประชุม JBC ในเดือนกันยายนนี้ และการประชุม GBC ในวันที่ 4 สิงหาคม เพื่อให้ประชาชนที่ต้องอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวได้กลับบ้านในเร็วๆ นี้ แต่ขอให้รอจนกว่าสถานการณ์จะปลอดภัย ทั้งนี้ ไทยต้องการเห็นความสุจริตใจจากกัมพูชา ทั้งในเรื่องการหยุดการโจมตีโดยเฉพาะต่อพลเรือน โดยการหยุดยิงจะต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งในช่วงแรกของการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงยังมีความเปราะบางอยู่ โดยย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลให้ความสำคัญกับอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนทุกคนเป็นสำคัญ
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
เฟซบุ๊ก ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ข้อมูล/ภาพ