28 ส.ค.68 - กมธ.มั่นคงฯ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมหารือการเยียวยาประชาชนพื้นที่ชายแดน ชี้จ่ายช้า-ไร้ประสิทธิภาพ เสี่ยงซ้ำรอยปะทะ ลุ้นสภาตั้ง กมธ.วิสามัญยกเลิก MOU 43 – MOU 44 เสียใจเหตุทหารเหยียบกับระเบิด เชื่อกัมพูชารับบทเหยื่อใช้ประชาคมโลกกดดันไทย

image

        นายรังสิมันต์ โรม กรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการ เรื่องการเยียวยาภาคประชาชนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังเกิดการปะทะ เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็น ประชาชนจำนวนมาก ภาคธุรกิจ รวมถึงหลายภาคส่วนต่างได้รับผลกระทบและจะเห็นได้ว่าผลกระทบยังคงเกิดขึ้นถึงปัจจุบัน และหากการเยียวยาไม่มีประสิทธิภาพดีพอ อาจเป็นไปได้ว่าประชาชนจะตัดสินใจอีกแบบหากมีการปะทะเกิดขึ้นอีก คณะกรรมาธิการพบว่าการเยียวยายังเป็นไปได้ช้า และไม่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีหลักการหรือนโยบาย เช่น หากมีหลุมระเบิดลงในไร่นา ให้เงินชดเชยหลักสิบ ซี่งดูไม่สมเหตุสมผล หรือกรณีประชาชนต้องขาดรายได้ กรณีปัญหาขาดแคลนแรงงานจากตัวเลขของแรงงานกัมพูชาที่หายไป แม้จะพยายามสนับสนุนให้คนไทยทำงาน แต่ต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีแรงงานคนไทยไม่เพียงพอ 
         นายรังสิมันต์ กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (28 ส.ค. 68) ว่ามีโอกาสจะพิจารณาญัตติด่วน ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญยกเลิก MOU 43 – MOU 44 ด้วยว่า ตนยังลุ้นอยู่ เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลหารือกันว่าหากต้องเลื่อนวาระการตั้งคณะกรรมธิการวิสามัญฯ จะต้องพิจารณาร่วมกัน พร้อมระบุว่าว่าการตั้งคณะกรรมาธิการไม่ได้มีปัญหาอะไรสามารถทำได้ และถือว่าจะเป็นการศึกษาอย่างรอบคอบ เพราะมีความกังวลและข้อเป็นห่วงจากสังคม ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นใน MOU จนส่งผลกระทบถึงการพิจารณานั้น นายรังสิมันต์ ระบุว่าทั้งสองฉบับแตกต่างกัน เพราะ MOU 43 ไม่มีการผูกสัมปทาน แต่ MOU 44 เป็นข้อเท็จจริงที่ว่ามีการผูกสัมปทาน มีบริษัทข้ามชาติอยู่เบื้องหลัง จึงต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียด หากไม่เร่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาพิจารณา มองว่าจะไม่เป็นผลดีนัก ส่วนจะมีผู้ใดได้ผลประโยชน์บ้างนั้น ต้องให้คณะกรรมาธิการได้ศึกษา ส่วนกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่ประสาทตาควาย ซึ่งกัมพูชาอ้างว่าไม่ใช่กับระเบิดที่วางใหม่  นายรังสิมันต์ เชื่อว่าไม่ใช่การวางระเบิดโดยฝ่ายไทยแน่นอน ส่วนจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนอยู่ปกติแต่เหตุใดที่ผ่านมาจึงไม่มีปัญหา ตรวจสอบไม่ยากว่าเป็นระเบิดใหม่หรือระเบิดเก่า เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเชิญทูตและทูตทหารไปลงพื้นที่ ไม่คิดว่าฝ่ายไทยจะมีการสร้างหลักฐานเท็จ ต้องยอมรับว่ากัมพูชาพยายามใช้กับระเบิดในการสร้างจิตวิทยา เป็นชนวนที่ทำให้เกิดความรุนแรง
        นายรังสิมันต์ ย้ำว่ากัมพูชาพยามจะทำให้ตนเองเป็นเหยื่อเพื่อที่ว่าจะนำชาวโลกมากดดันไทย  ต้องยอมรับว่าทั่วโลกอาจจะมีคนที่มองว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็ก และประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศที่ใหญ่ไปรังแก ดังนั้น วันนี้ไทยต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชนะทั้งศึกและสงคราม


อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ