โดย
นายแพทย์ ทศพร เสรีรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวสรุปผลการประชุมคณะ กมธ. เพื่อพิจารณาผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนจากการนำเข้าเนื้อสุกรที่มีสารเร่งเนื้อแดงจากต่างประเทศ โดยระบุว่า ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กรมปศุสัตว์ นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสัตว์ปีก นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และนายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย
นายแพทย์ ทศพร กล่าวว่า การดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการภายใต้กฎหมายที่มีผลใช้บังคับอย่างเข้มงวดต่อการสกัดกั้นสุกรที่มีสารเร่งเนื้อแดง เนื่องจากประเทศไทยได้กำหนดให้สารเคมีแรคโตพามีน หรือที่นิยมเรียกกันว่า สารเร่งเนื้อแดง จัดเป็นสารเคมีอันตราย ห้ามไม่ให้มีการตกค้างในเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์ที่ใช้ในการบริโภค ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 269 พ.ศ. 2546 ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการติดตามเฝ้าระวังอาหารที่มีการผลิต นำเข้า และจำหน่ายในท้องตลาดอย่างเข้มงวด รวมทั้งมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศ ตลอดจนการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยอาหารที่มียาสัตว์ตกค้าง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการดำเนินการที่เข้มงวดดังกล่าว แต่จะเป็นการควบคุมได้เฉพาะการนำเข้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากเป็นกรณีที่มีการลักลอบนำเข้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการปราบปรามให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
นายแพทย์ ทศพร กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะ กมธ. มีความเห็นสอดคล้องกันว่า การดูแลสุขภาพของประชาชนผู้บริโภคเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก จึงควรคงกฎหมายในการห้ามนำเข้าสุกรที่มีสารเร่งเนื้อแดง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเข้มงวด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ส่วนเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดจากการปฏิเสธการนำเข้าสุกรที่มีสารเร่งเนื้อแดงจากต่างประเทศ คณะ กมธ. จะนำไปพิจารณาและติดตามกรณีดังกล่าวต่อไป โดยยืนยันว่าคณะ กมธ. มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นอย่างยิ่ง
ณัฐเดช เอียดปุ่ม / ข่าว / เรียบเรียง
