โดย
การประชุมวุฒิสภา ที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา ได้หารือในช่วงท้ายการประชุม เสนอให้วุฒิสภาพิจารณากำหนดท่าทีต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสำคัญเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า มีสถานการณ์สำคัญที่วุฒิสภาควรพิจารณาควบคู่ไปกับสภาผู้แทนราษฎร ก่อนการประชุมร่วมรัฐสภาในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68 โดยชี้ 2 ประเด็นหลัก คือ รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องไม่ให้ประชาชนเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ได้โดยตรง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ 3 ครั้ง ทั้งนี้ ภายหลังคำวินิจฉัยดังกล่าว สภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะทำงานร่วมกันของ 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จทันการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่คาดว่าจะมีขึ้นไม่เกินเดือน เม.ย. 69 ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้นำเรื่องนี้เข้าสู่ระเบียบวาระ หรือจัดเป็นการปรึกษาหารือ หรือเสนอเป็นญัตติใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้วุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมต่อประเด็นสำคัญนี้ พร้อมย้ำว่ามีผลต่อประชาชนและภาพลักษณ์ของวุฒิสภาในการทำงานร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม แม้ได้ยื่นหนังสือตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อสิ้นสุดการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 68 ยังไม่ปรากฏว่ามีการนำเข้าพิจารณา
ขณะที่นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา แสดงความคิดเห็นว่า ข้อเสนอของนายแพทย์เปรมศักดิ์มีลักษณะคล้ายกับญัตติที่ประชุมวุฒิสภาได้พิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา ซึ่งตามข้อบังคับข้อที่ 51 กำหนดว่าญัตติที่ตกไปแล้ว ห้ามนำขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ประธานจะเห็นว่าพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป โดยตนมองว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีความแตกต่างหรือเปลี่ยนแปลงจากเดิม จึงไม่ควรนำกลับมาพิจารณาอีกในสมัยนี้
ด้านนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง แจ้งว่า เรื่องดังกล่าวประธานวุฒิสภาได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา(วิปวุฒิสภา) ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 17 ก.ย. 68 นี้ จึงขอให้สมาชิกติดตามผลการพิจารณาต่อไป
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง
