18 ก.ย. 68 - สส.กัณวีร์ พรรคเป็นธรรม จี้นายกรัฐมนตรี เร่งจัดการส่วยสัญชาติ หลังพบมีการเรียกรับสินบน ชี้ทำสูญเสียผลประโยชน์รัฐมหาศาล พร้อมเสนอ 5 ข้อเร่งด่วน ขอจริงจังแก้ปัญหาคอร์รัปชัน 

            นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม แถลงข่าวเรียกร้องไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เร่งแก้ปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์จากการให้สัญชาติแก่คนต่างด้าว หรือที่เรียกกันว่าส่วยสัญชาติ หลังพบการเรียกเก็บเงินตั้งแต่ 3,000–40,000 บาทต่อราย แม้มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 กำหนดให้คนต่างด้าวที่พำนักถาวรในประเทศไทยมีสิทธิได้รับสัญชาติไทย แต่จากการลงพื้นที่ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนว่ายังมีการเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการได้รับสถานะบุคคล ซึ่งหากนำจำนวนผู้มีสิทธิตามมติ ครม. ที่มีอยู่ 483,626 คน มาคำนวณในอัตราเฉลี่ย 5,000 บาทต่อคน จะคิดเป็นผลประโยชน์ที่รั่วไหลออกนอกระบบมากกว่า 2,500 ล้านบาท จึงมีข้อเสนอ 5 ประการไปยังรัฐบาล ได้แก่ 1. เร่งกำจัดคอร์รัปชันและยุติระบบส่วยสัญชาติอย่างเด็ดขาด 2. จัดทำแนวทางปฏิบัติจากส่วนกลางให้สอดคล้องทุกพื้นที่ ลดช่องว่างการหาผลประโยชน์ 3. เพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการ โดยให้อำเภอและตำบลเข้าไปพบประชาชนโดยตรงมากขึ้น 4. จัดสรรงบประมาณ กำลังพล และอุปกรณ์ให้หน่วยงานท้องที่เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และ 5. กำหนดกรอบเวลาและขั้นตอนการให้สัญชาติที่ชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชน

            นายกัณวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยืนยันว่ามีมาตรการป้องกันคอร์รัปชันแล้ว แต่ยังคงปรากฏข่าวการเรียกรับสินบนอย่างต่อเนื่อง จึงสะท้อนว่าการแก้ปัญหายังไม่สัมฤทธิ์ผล และหากอาศัยเพียงกลไกราชการคงไม่เพียงพอ ต้องมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจนจากฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ จากการมีโอกาสได้พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งตอบว่ายังไม่มีอำนาจเต็มในการดำเนินการ ตนจึงฝากข้อเรียกร้องว่า เมื่อมีอำนาจเต็มแล้วต้องเร่งจัดการอย่างจริงจัง เพราะหากมีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ในการปราบคอร์รัปชัน ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรม

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ