15 ก.ย. 68 - ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ขยายสิทธิลาคลอดจาก 98 วัน เป็น 120 วัน พร้อมสิทธิเลี้ยงดูบุตรและช่วยเหลือคู่สมรส รวมถึงคุ้มครองแรงงานเหมาบริการในหน่วยงานรัฐ ขณะที่ สว.ภาคแรงงานยังเสนอให้เพิ่มสิทธิลาคลอดอย่างน้อย 180 วันตามมาตรฐานสากล

image

             นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ …) พ.ศ. …. นำคณะ กมธ. แถลงภายหลังที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบวาระที่สาม เห็นชอบด้วยกับสภาผู้แทนราษฎรต่อร่างกฎหมายดังกล่าว ด้วยเสียง 125 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง นำไปสู่ขั้นตอนการประกาศใช้เป็นกฎหมาย ว่าการพิจารณาร่างกฎหมายนี้มีสาระสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ ขยายขอบเขตการคุ้มครองไปถึงแรงงานที่ทำงานในลักษณะจ้างเหมาบริการ ในหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชน ให้ได้รับสิทธิพื้นฐานเทียบเท่ากฎหมายคุ้มครองแรงงาน กำหนดสิทธิลาคลอดบุตรไม่เกิน 120 วัน (จากเดิม 98 วัน) โดยนายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวนใน 60 วันแรก การเพิ่มสิทธิลาต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงดูบุตรอีกไม่เกิน 15 วัน กรณีบุตรป่วย เสี่ยงโรคแทรกซ้อน มีความผิดปกติ หรือพิการ และได้รับค่าจ้าง 50% ของค่าจ้าง การเพิ่มสิทธิลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสที่คลอดบุตรไม่เกิน 15 วัน โดยได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน คณะ กมธ. ย้ำว่าให้ความสำคัญต่อแรงงานที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ ต้องได้รับสิทธิและสวัสดิการที่เหมาะสม เท่าเทียม และทันต่อสภาพเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ เผยถึงขั้นตอนว่า จากนี้วุฒิสภาจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ก่อนมีการประกาศใช้เป็นกฎหมายซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 30 วัน เมื่อมีผลบังคับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงแรงงานและกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะต้องออกกฎหมายลำดับรองและเร่งบังคับใช้ให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป

            ด้าน นายชินโชติ แสงสังข์ รองประธาน กมธ.วิสามัญฯ และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มแรงงาน กล่าวว่า แม้การปรับเพิ่มวันลาคลอดจาก 98 วัน เป็น 120 วัน จะถือเป็นความก้าวหน้า แต่ตนยังยืนยันตามข้อเสนอขององค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟ ว่ามารดาควรมีสิทธิลาคลอดและเลี้ยงดูบุตรไม่น้อยกว่า 180 วัน เพื่อให้เด็กได้รับนมแม่อย่างเต็มที่ แม้เงื่อนไขทางการเมืองในปัจจุบันบังคับให้ต้องยอมรับ 120 วัน แต่ในฐานะผู้นำแรงงาน ยังเห็นว่าควรเป็น 180 วัน ขณะที่ รศ.แล ดิลกวิทยรัตน์ ประธานที่ปรึกษากมธ. วิสามัญฯ ระบุว่า การเรียกร้องสิทธิลาคลอดยืดเยื้อมากว่า 30 ปี จนขณะนี้ได้ปรับเพิ่ม ถือเป็นการชดเชยที่แรงงานรอคอยมายาวนาน พร้อมชี้ว่า ประเด็นนี้ไม่เพียงเป็นสวัสดิการแรงงาน แต่ยังเกี่ยวพันกับการสร้างแรงงานคุณภาพในอนาคต ไทยกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่มีคุณภาพ หากเด็กตั้งแต่แรกเกิดได้รับการดูแล มีสุขภาพกายใจที่แข็งแรง ก็จะเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมยุคใหม่ได้

         นอกจากนี้ นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง อดีตตัวแทนแรงงานในฐานะรองโฆษกคณะกมธ.วิสามัญฯ กล่าวขอบคุณสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่ให้ความสำคัญกับลูกจ้างภาครัฐ หรือลูกจ้างเหมาบริการ ซึ่งในส่วนของคณะกมธ.วิสามัญฯ ได้มีการพิจารณาและให้ความสำคัญไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ที่ทำงานเข้ามามีส่วนร่วมซึ่งจะนำไปสู่การมีแรงงานในอนาคตต่อไป เนื่องจากขณะนี้จำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น และการเพิ่มเวลาคลอดไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทางออกทางเดียว ข้อเสนอแนะที่คณะกมธ.ได้เสนอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน ให้มีการประชุมหารือเพื่อจัดทำร่างระเบียบหรือบางเรื่องควรจะทำเป็นกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับประกันสังคม ที่มีการเพิ่มวันลาต้องแก้ที่ตัวกฎหมายประกันสังคมด้วย

          

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ