15 ก.ย.68 - กมธ.ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา มองการระงับบัญชีต้องสงสัยเกี่ยวบัญชีม้า 3-7 วัน ละเมิดสิทธิ์พื้นฐานทางเศรษฐกิจประชาชน พร้อมเสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหาเร่งด่วน เรียกร้องทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการจริงจัง เพื่อคืนความมั่นใจและความเป็นธรรมให้ประชาชน

image

        นายอลงกต วรกี ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา พร้อมด้วย นางสาวภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน รองโฆษก กมธ. และคณะ กมธ. แถลงแสดงความกังวลกรณีประชาชนถูกระงับบัญชีธนาคารโดยไม่เป็นธรรม ทำให้ขณะนี้ประชาชนจำนวนมากเกิดความตื่นตระหนกและทยอยถอนเงินออกจากบัญชีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อการประกอบอาชีพของประชาชน แม้ล่าสุดปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมออกมาแถลงชี้แจงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การอายัดบัญชีเต็มรูปแบบ แต่เป็นเพียงการระงับวงเงินชั่วคราวบางส่วนที่ต้องสงสัยเกี่ยวกับบัญชีม้า ซึ่งธนาคารสามารถอายัดบัญชีได้ 3 วัน ตามกฎหมาย ขณะที่ตำรวจมีอำนาจอายัดบัญชีได้ไม่เกิน 7 วัน หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความผิด เงินส่วนที่ถูกระงับจะต้องถูกโอนกลับให้กับเจ้าของบัญชี แต่อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ. เห็นว่าการระงับบัญชีชั่วคราว แม้จะเป็นเวลาเพียง 3 วัน หรือ 7 วัน ย่อมเพียงพอที่จะสร้างความเดือดร้อนรุนแรงให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนทุกวัน เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ร้านค้าปลีก และผู้ใช้แรงงาน การกระทำดังกล่าวถือเป็นละเมิดสิทธิ์พื้นฐานทางเศรษฐกิจ จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมกับขอตั้งคำถามด้วยว่าประชาชนต้องเป็นผู้รับภาระในการไปชี้แจงกับธนาคารหรือไม่

        คณะ กมธ. ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา มีข้อเสนอแนะเป็นแนวทางการเร่งด่วนเพื่อจัดการปัญหาดังกล่าว ด้วยการเสนอให้เร่งปลดการระงับบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายใน 1-2 วัน ไม่ควรยืดเยื้อถึง 7 วัน และกำหนดมาตรฐานการเยียวยาอย่างชัดเจนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งค่าเสียโอกาสและความเสียหายทางเศรษฐกิจ เพราะทำให้ประชาชนสูญเสียรายได้ อีกทั้งต้องสร้างระบบเตือนที่โปร่งใส เพื่อให้เจ้าของบัญชีทราบสาเหตุทันทีและบอกช่องทางแก้ไขที่ชัดเจน รวมถึงบูรณาการการทำงานระหว่างตำรวจ ธนาคาร และหน่วยงานที่กำกับดูแล เพื่อลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและเร่งคัดกรองผู้บริสุทธิ์โดยเร็ว ทั้งนี้ คณะ กมธ. เข้าใจดีว่าการดำเนินมาตรการทางกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่การทำให้ผู้บริสุทธิ์เดือดร้อนถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาเช่นกัน หากปล่อยให้ประชาชนต้องรอเงินบริสุทธิ์ของตัวเองนาน 3-7 วัน หรือปล่อยให้รอโดยไม่รู้กำหนด ย่อมจะเป็นการทลายความเชื่อมั่น กระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยตรง และเหตุการณ์ครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสั่นคลอนศรัทธาต่อระบบการเงินไทย พร้อมกันนี้ ขอเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการอย่างจริงจังและเร่งด่วนเพื่อคืนความมั่นใจและความเป็นธรรมให้ประชาชนโดยไม่ชักช้า และเพื่อรักษาความมั่นคงของระบบการเงินของชาติ เพื่อให้ระบบเป็นหลักประกันแห่งชีวิตและอนาคตของทุกครอบครัว 

 

คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ