นางสาววรรณวิภา ไม้สน ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ รับหนังสือจาก นายอนุวัฒน์ หวังพนาวงศ์ ตัวแทนประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสะท้อนความเดือดร้อนและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดจากสถานการณ์ชายแดนในปัจจุบัน
นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน ทั้งต่อวิถีชีวิตและความมั่นคงในอนาคต โดยปัญหาหลักที่พบมี 4 ด้าน ได้แก่ 1. ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง รายได้จากการค้าขายลดลงอย่างมาก ขณะที่ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยยังคงต้องแบกรับค่าใช้จ่าย จนส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและปัญหาสังคมอื่น ๆ 2. ปัญหาด้านความมั่นคงและความอุ่นใจ การปิดด่านการค้าฉับพลันทำให้สูญเสียทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจและความมั่นใจในการใช้ชีวิต ประชาชนต้องการเห็นการเจรจาสันติภาพเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคง 3. ปัญหาสุขภาพจิตและสังคม ความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจนำไปสู่ภาวะเครียด สิ้นหวัง และสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ ขณะที่เสียงร้องขอความช่วยเหลือถูกละเลย 4. ปัญหาการปลุกปั่นความขัดแย้งและข่าวปลอม กระแสความเกลียดชังบนสื่อสังคมออนไลน์ทั้งระหว่างประเทศและภายในประเทศ สร้างความแตกแยกในสังคม ทั้งนี้ ประชาชนเสนอให้พิจารณา เปิดด่านการค้า เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงในพื้นที่ หากยังไม่สามารถดำเนินการได้ ควรมีมาตรการเยียวยาและสร้างโอกาสในการปรับตัวที่เหมาะสม พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันลดกระแสเกลียดชัง และผลักดันการแก้ปัญหาบนพื้นฐานของกฎหมายและหลักมนุษยธรรม
ด้าน นางสาววรรณวิภา ไม้สน กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า เรื่องนี้เคยมีการหารือกันแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนในประเด็นการเยียวยาประชาชน 8 จังหวัดชายแดน แต่ติดขัดที่มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 26 สิงหาคม 2568 ซึ่งกำหนดให้ต้องแก้ไขเอกสารและระเบียบใหม่ ทำให้ไม่สามารถเสนอเรื่องเข้าสู่การประชุม ครม. ได้ทัน ปัจจุบัน มีประชาชนลงทะเบียนขอรับการเยียวยากว่า 2.5 แสนคน ใน 8 จังหวัดที่ติดชายแดน แต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ดังนั้น คณะ กมธ. จะทำหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้พิจารณาเรื่องนี้เป็นลำดับต้นๆ ในการประชุม ครม. เพื่อเร่งเยียวยาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนโดยเร็วที่สุด
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง
