คณะผู้แทนรัฐสภาไทย เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 151 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (The 151st IPU Assembly and related meetings) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 - 23 ตุลาคม 2568 เป็นวันที่สี่ ณ ศูนย์การประชุม CICG นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส
โดยนายอมรศักดิ์ กิจธนานันท์ สมาชิกวุฒิสภา ได้ร่วมกล่าวอภิปรายในหัวข้อ “The impact of global warming: A parliamentary call to protect the most vulnerable” โดยมีสาระสำคัญ คือ ประเทศไทยประกาศยืนหยัดเคียงข้างนานาชาติในการรับมือกับผลกระทบที่ไม่เท่าเทียมจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในฐานะประเทศที่เปราะบางต่อสภาพภูมิอากาศ ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และการกัดเซาะชายฝั่งที่กระทบต่อประชาชนกลุ่มเปราะบางโดยตรง ไทยตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 109 ล้านตันภายในปี 2578 ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมดำเนินแผนการปรับตัวแห่งชาติ เพื่อเสริมความยืดหยุ่นในภาคเกษตร โครงสร้างพื้นฐาน และระบบเตือนภัยล่วงหน้า รวมทั้งโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสมัครใจที่เปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นสร้างรายได้จากการฟื้นฟูป่าชายเลนและการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ไทยเตรียมออกกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อรับรองมาตรการเหล่านี้อย่างเป็นทางการ ไทยเน้นย้ำบทบาทของรัฐสภาในการผลักดัน ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ ผ่านการออกกฎหมายที่ครอบคลุม การกำกับติดตามอย่างโปร่งใส การเปิดพื้นที่ให้เยาวชนและชุมชนมีส่วนร่วม และการร่วมมือกับรัฐสภาประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้างอนาคตด้านสภาพภูมิอากาศที่เป็นธรรม ครอบคลุม และยั่งยืนสำหรับทุกคน
ด้าน นางสาวฐิติมา ฉายแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และนายอมรศักดิ์ กิจธนานันท์ สมาชิกวุฒิสภา เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญว่าด้วยกิจการสหประชาชาติ (Standing Committee on United Nations Affairs) วาระที่สอง ในการนี้ นายอมรศักดิ์ ได้ร่วมอภิปรายต่อที่ประชุมในหัวข้อ “UN80: A most ambitious and far-reaching makeover for the UN system as a whole” สรุปสาระสำคัญได้ว่า ในโอกาสที่องค์การสหประชาชาติครบรอบ 80 ปี ประเทศไทยย้ำถึงความสำคัญของวาระการปฏิรูป UN80 ซึ่งมิใช่เพียงการปรับลดงบประมาณ แต่เป็นการปรับบทบาทของสหประชาชาติให้ตอบโจทย์โลกที่เผชิญความตึงเครียด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น ไทยเสนอให้การปฏิรูปมุ่งเน้นภารกิจหลักด้านการสร้างสันติภาพ มนุษยธรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยไม่ลดทอนความเท่าเทียมหรือการมีส่วนร่วมของประเทศกำลังพัฒนา พร้อมเน้นความโปร่งใสและความรับผิดชอบในกระบวนการบริหารงาน โดยรัฐสภาควรมีบทบาทในการติดตาม ตรวจสอบ และสะท้อนเสียงของประชาชน ไทยพร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ผ่านความร่วมมือระดับภูมิภาค การบริหารจัดการดิจิทัล และงบประมาณที่ครอบคลุม เพื่อให้สหประชาชาติในยุคใหม่มีความคล่องตัว ฉลาดทางยุทธศาสตร์ และยังคงเปี่ยมด้วยมนุษยธรรม
ขณะที่ ผศ.นพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา และนางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมการอภิปรายหญิง-ชายเท่าเทียม (Parity Debate) โดยได้ร่วมอภิปรายต่อที่ประชุมในหัวข้อ “Men and women MPs championing gender equality and equal care in parliament” จากนั้น ผศ.นพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา เข้าร่วมการหารือพิเศษว่าด้วย "Addressing social norms that hinder women’s political participation and leadership: Male MPs in the limelight." และนางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมการประชุมคณะกรรรมาธิการสหภาพรัฐสภาสตรี (วาระที่สอง) ในฐานะกรรรมาธิการสหภาพรัฐสภาสตรีของสหภาพรัฐสภา (Member of the Bureau of Women Parliamentarians)
สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ สผ.ข้อมูล/ภาพ
อรุณี ตันศักดิ์ดา /เรียบเรียง