31 ต.ค.68 - สส.ภาคภูมิ พรรคกล้าธรรม ห่วงสถานการณ์ความไม่สงบชายแดน ไทย-เมียนมา ส่งผลผู้อพยพทะลัก อ.แม่สอด จ.ตาก วอนนายกรัฐมนตรี จัด ครม.สัญจร หวังติดตามการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ชี้เกินกว่าจังหวัดรับมือตามลำพัง

image

        นายภาคภูมิ  บูลย์ประมุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดตาก พรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–เมียนมา ซึ่งอยู่ติดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.68 มีแรงงานที่ทำงานอยู่ฝั่งประเทศเมียนมาอพยพหลบหนีความไม่สงบกลับเข้ามายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ เคเคพาร์ค ฝั่งประเทศเมียนมา และตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.68 ได้เกิดการสู้รบและมีการทิ้งระเบิดลงในชุมชน ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ขณะนี้มีผู้อพยพข้ามแดนเข้ามาฝั่งไทยแล้วกว่า 1,600 คน ทำให้จังหวัดตากได้รับผลกระทบโดยตรงจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ ยังมีสะเก็ดระเบิดตกมาถึงฝั่งไทยเป็นจำนวนมาก โดยนายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยกาชาด ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร (อส.) โดยร่วมกันตรึงกำลังและดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนอย่างเต็มที่

        นายภาคภูมิ กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่จังหวัดตากจะสามารถรับมือได้ลำพัง จึงอยากขอให้นายอนุทิน  ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะจังหวัดตากถือเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะอำเภอแม่สอดซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่องไปถึงยุโรป มูลค่าการค้าปีละนับแสนล้านบาท แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจซบเซามาเป็นเวลานาน และขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ที่จังหวัดตาก เพื่อให้รัฐบาลได้เห็นปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ และช่วยฟื้นชีวิตให้กับจังหวัดตากและชาวแม่สอดอีกครั้ง

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ