กมธ.อุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบกรณีถอนอายัดเหล็ก ซิน เคอ หยวน ห่วงปัญหาฝุ่นแดง-มาตรฐานการผลิตเหล็ก

            นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการฯ แถลงภายหลังการประชุมเพื่อพิจารณาและตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ถอนอายัดเหล็กของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ซึ่งเคยถูกอายัดไว้ตรวจสอบจากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่ม เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง ได้แก่ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และผู้แทนจากบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด

           นายอัครเดช เปิดเผยว่า เหล็กที่ถูกอายัดแบ่งออกเป็น 2 ล็อต ได้แก่ ล็อตแรก จำนวนกว่า 2,000 เส้น ถูกส่งตรวจสอบโดยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบว่ามีการลดสเปกและมีส่วนประกอบทางเคมีไม่เป็นไปตามค่ามาตรฐาน ส่งผลต่อคุณภาพของเหล็ก เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดและดำเนินคดี ส่วนล็อตที่สอง จำนวนกว่า 40,000 เส้น ผลตรวจสอบพบว่าผ่านมาตรฐาน สมอ. จึงได้ถอนอายัดให้แก่บริษัท อย่างไรก็ตาม กมธ. มีข้อห่วงใยต่อ ฝุ่นแดง ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายที่อยู่ในกระบวนการผลิตเหล็กและต้องอยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมาย โดยมีการอายัดฝุ่นแดงหลายหมื่นตันไว้ตรวจสอบว่าเป็นผลผลิตจากกระบวนการผลิตจริงหรือมีการลักลอบนำเข้ามา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากฝุ่นแดงไม่ตรงตามองค์ประกอบทางเคมีในกระบวนกาผลิตของบริษัท อาจส่อถึงการลักลอบนำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้ กมธ. เสนอให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมตรวจสอบย้อนหลังว่าปริมาณฝุ่นแดงที่พบสอดคล้องกับยอดการผลิตของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหรือไม่ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน หากพบการกระทำผิด พร้อมเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่สังคม

           สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าบริษัท ซิน เคอ หยวน ยื่นขอกลับมาประกอบกิจการ นายอัครเดช ระบุว่า เจ้าหน้าที่เตรียมเข้าตรวจสอบกระบวนการผลิต ระบบควบคุมมลภาวะ และการปรับปรุงโรงงาน หากเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม จะอนุญาตให้กลับมาดำเนินการได้ โดยคณะ กมธ. จะร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ทั้งนี้ กมธ. ยังได้เสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรม ยกเลิกการผลิตเหล็กด้วยกระบวนการแบบ IF (Induction Furnace) ซึ่งเคยมีข้อถกเถียงว่าให้ผลผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน สร้างมลพิษและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง พร้อมเสนอให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนมาสู่ระบบการผลิตแบบ EF (Electric Furnace) ที่สะอาดและปลอดภัยกว่า พร้อมฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะทำงานศึกษาใหม่ เพราะมีข้อมูลและข้อสรุปเดิมอยู่แล้ว ควรเดินหน้าอย่างจริงจังเพื่อยุติการผลิตเหล็กแบบ IF โดยสิ้นเชิง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กมธ. จะจัดทำข้อเสนอส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณากำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนต่อไป

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง