8 พ.ย.68 – คณะ กมธ. การเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ติดตามสถานการณ์ปลาหมอคางดำ จากการยางแห่งประเทศไทยและกรมพัฒนาที่ดิน พบการระบาดลดลงเหลือ 17 จาก 19 จังหวัด ใช้วิธีปล่อยปลาผู้ล่าลงแหล่งน้ำ นำซากปลาหมอคางดำ ผลิตน้ำหมักชีวภาพ กำจัดแล้วราว 1.2 พันตัน ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุอาหารของพืช ช่วยลดต้นทุนการผลิตเกษตรกร 

image

        การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ที่มี นายธวัช สุระบาล ประธาน คณะ กมธ. เป็นประธานการประชุม พิจารณาปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ โดยเชิญผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน มาให้ข้อมูล ทำให้คณะ กมธ. ทราบถึงสถานการณ์เกี่ยวกับปลาหมอคางดำจาก กยท. ว่าพื้นที่การระบาดลดลงจาก 19 จังหวัด เหลือ 17 จังหวัด ไม่พบการระบาดในจังหวัดปราจีนบุรีและพัทลุงแล้ว ในขณะที่กรมประมงทำการศึกษาครอบคลุมทุกแหล่งน้ำ วางมาตรการควบคุม 3 ระยะ เร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ครอบคลุมการกำจัด การสำรวจเฝ้าระวังและการวิจัยพัฒนา มีการกำจัดปลาหมอคางดำไปแล้วกว่า 7 ล้านกิโลกรัม นำปลาที่จับได้ไปผลิตปลาป่น น้ำหมักชีวภาพ และปลาร้า ทำการปล่อยปลาผู้ล่า เช่น ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาอีกง และปลาจะละเม็ดขาว ลงแหล่งน้ำเพื่อควบคุมประชากร วิจัยพัฒนาเทคนิคทำหมันปลาหมอดางดำด้วยโครโมโซม 4N นอกจากนี้ ทำโครงการผลิตน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำเพื่อเกษตรกรชาวชาวสวนยาง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 ภายใต้ความร่วมมือกับหลายหน่วยงาน อาทิ กรมประมง กรมพัฒนาที่ดิน และกรมส่งเสริมการเกษตร น้ำหมักชีวภาพดังกล่าวจะช่วยเสริมธาตุอาหารรองและจุลินทรีย์ในดินช่วยฟื้นฟูพื้นที่สวนยางที่ปลูกซ้ำหลายรุ่น เพิ่มความแข็งแรงของต้นยาง และช่วยเพิ่มผลผลิตน้ำยาง กยท. รับซื้อปลาหมอคางดำแล้วประมาณ 4 ล้านกิโลกรัม ใช้ต้นทุนผลิตเฉลี่ย 50 บาทต่อลิตร และตั้งราคาขายปลีกลิตรละ 100 บาท จำหน่ายไปแล้ว 1.8 ล้านลิตร เหลือคงคลัง 4.5 ทั้งนี้ การผลิตกระจายผ่านกลุ่มหมอดินอาสาและสถาบันเกษตรกรของ กยท. โดยใช้สูตรหมักมาตรฐาน ของกรมพัฒนาที่ดิน กยท. ตั้งเป้าขยายตลาดน้ำหมักไปยังภาคเกษตรอื่น เช่น ชาวไร่อ้อย นาข้าว และพืชผักสวนครัว หลังพบผลดีต่อการเจริญเติบโตของพืชหลายชนิด แม้ยังอยู่ระหว่างการวิจัยเพิ่มเติมด้านผลผลิตและการต้านทานโรค

        คณะ กมธ. การเกษตรและสหกรณ์ ยังได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการปัญหาและการสร้างประโยชน์จากปลาหมอคางดำของกรมพัฒนาที่ดิน ว่าได้วิเคราะห์คุณภาพน้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำ พบว่ามีธาตุธาตุอาหารรองและจุลธาตุ เช่น สังกะสี แคลเซียมแมกนี่เซียม กำมะถัน รวมถึงมีกรดฮิวมิก (Humic Acid) สูงถึงถึง 36.57 กรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งช่วยส่งเสริมการดูดซึมธาตุอาหารของพืช และมีส่วนช่วยต้านทานโรคใบไม้ร่วงในยางพารา กรมพัฒนาที่ดินเผยว่าการผลิตน้ำหมักสามารถกำจัดปลาหมอคางคำได้ในปี 67 รวมจำนวน 1,198 ตัน ได้น้ำหมักกว่า 1.9 ล้านลิตร ใช้งบประมาณรวม 14 ล้านบาท น้ำหมักชีวภาพดังกล่าวถูกแจกจ่ายให้กับเครือข่ายหมอดินอาสา เกษตรกรอินทรีย์ และเกษตรกรกรแปลงใหญ่ โดยไม่มีการจำหน่าย คาดว่าช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรได้ร้อยละ 25 - 30 ผลการใช้ในพื้นที่ภาคกลางพบว่าคุณภาพดินดีขึ้นเกษตรกรลดต้นทุนได้ 3,000 - 5,000 บาทต่อไร่ต่อปี

อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ